เนื่องด้วยช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนทำให้ปริมาณน้ำฝนในแม่น้ำสาละวินเพิ่มมากขึ้น ทำให้พี่น้องที่อยู่ตามชายขอบเขตแม่น้ำสาละวิน ชายแดนไทย- เมียนมาร์ได้รับผลเกิดจากน้ำท่วมอย่างหนัก และสถานการณ์ในค่ายผู้พลัดถิ่นอิตุท่า ได้รับปัญหาจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างหนักทำให้ชาวบ้านที่เป็นผู้พลัดถิ่นอิตุท่า รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาร์ได้รับความเดือดร้อน ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วนไม่มีที่อยู่อาศัย และอีกประเด็นหนึ่งชายแดนไทยและ เมียนมาร์อย่างไม่เปิดการทำการอย่างเป็นทางการเนื่องด้วยการเฝ้าระหว่างของโรดไวรัสCovid-19ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนอาหารเช่นกัน
C – SITE REPORT สถานการณ์น้ำท่วม โตนสะตอยื่นคัดค้านเขื่อนเหมืองตะกั่ว 25 ส.ค. 2563C-Site report เช้าเช้านี้ไปติดตามสถานการณ์ฝนตกหนัก และน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนริมน้ำบางส่วนทั้งในเขตไทย และเขตรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยคุณกะเลอะ เยาวชนกะเหรี่ยงปักมาจากริมแม่น้ำสาละวิน เล่ามาว่าระดับน้ำในแม่น้ำสาละวินยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และอีกหมุดปักมากจากค่ายอีตูท่า ค่ายอพยพของผู้ลี้ภัยสงครามในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง อยู่ริมแม่น้ำ ก็ได้รายงานว่า ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักพอสมควร ส่วนที่ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน คุณชัย พงษ์พิพัฒน์ รายงานมาว่า ระดับน้ำในแม่น้ำสาละวินเริ่มทรงตัวแล้ว แต่บางส่วนก็ได้เอ่อล้นขึ้นมาท่วมถนนสายหลักในบางช่วงแล้วก็ยังท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ รวมถึงอาคารสถานที่ราชการบางส่วน คนในพื้นที่ก็มีการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเติมระดับน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว.และอีกจุดที่พระยงยุทธ ทีปโก ปักมาจากวัดสัมฤทธิบุญ บ้านสบป้าก ต.แม่เกิ๋ง อ.วังชิ้น จ.แพร่ เล่าว่าน้ำยมที่ไหลหลากเข้าท่วมที่ อ.วังชิ้น เป็นวันที่สามซึ่งน้ำเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังคงท่วมขังในพื้นที่ลุ่ม ทางคณะสงฆ์อำเภอวังชิ้นทั้งพระ สามเณร และญาติโยมได้ช่วยกันออกแจกจ่ายน้ำดื่ม อาหารแห้งให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขัง ไม่สามารถออกมาภายนอกซึ่งมีอยู่ประมาณ 5-6 หมู่บ้าน นอกจากการเผชิญเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม และช่วยเหลือกันแล้ว ชวนมาร่วมเวทีสื่อสาธารณะเพื่อดูจากบทเรียนน้ำท่วมของ จ.อุบลราชธานี เมื่อปีที่แล้ว 2562 โดยคนในพื้นที่จะนำมาใช้วางแผนในการรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดซ้ำในปีนี้ด้วย ซึ่งหากท่านไหนสนใจสามารถติดตามชมสดทางเพจ Localist ชีวิตนอกรุง และอยู่ดีมีแฮง เวลา14.00 – 17.00 น..พื้นที่ภาคใต้ มีความเคลื่อนไหวของชาวบ้านกลุ่มรักษ์โตนสะตอ เดินทางด้วยรถไฟจากพัทลุงถึงกรุงเทพมหานคร ระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตร เพื่อยื่นหนังสือขอให้ยกเลิกโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านเหมืองตะกั่ว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ที่อยู่ห่างจากชุมชนไม่ถึง 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำสำคัญของพัทลุง โดยคุณเจกะพันธ์ พรหมมงคล ปักหมุดรายงานความคืบหน้าว่า เมื่อวานนี้ชาวบ้านกลุ่มรักษ์โตนสะตอได้เดินทางไปยังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณที่รัฐสภา ชี้แจงข้อมูลและขอให้ตรวจสอบงบประมาณและความจำเป็นของโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว จ.พัทลุง ชาวบ้านกังวลว่า หากเกิดโครงการฯ นี้ขึ้น จะกระทบต่อผืนป่าชุมชนอันเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรของชาวบ้านที่ชุมชนร่วมกันรักษากว่า 200 ปี เป็นการทำลายผืนป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์และวิถีชีวิตชุมชนอย่างถาวร
โพสต์โดย นักข่าวพลเมือง (ThaiPBS) เมื่อ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2020
author
ชาติพันธุ์ปาเกอะญอ คนพเนจรผู้หลงรักงานขีดเขียนและท่องเที่ยว ภาษามือมักใจเธอ ผ้าพันคอคืองานยอดฮิต ซีรี่ย์เกาหลีไม่ได้ดูนอนไม่หลับ แต่งเพลงวันละนิดชีวิตจะแจ่มใส อีกปรัชญาคนเดินดินแบบเรียบๆง่ายๆ บ่ต้องเยอะแยะ