The SCAMMER: โปรย “เศษเงิน” วางกับดัก ล่าเด็กไทย

The SCAMMER: โปรย “เศษเงิน” วางกับดัก ล่าเด็กไทย

“เงิน” กับดักง่าย หลอกล่อเด็กไทย 

หลากหลายคดีหลอกลวงออนไลน์ โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ที่ผ่านสายตา พ.ต.อ. เนติ ประมวลสาเหตุมาจาก “เงิน”

พ.ต.อ. เนติ เล่าฉายภาพสถานการณ์หลอกลวงออนไลน์ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทย มีตั้งแต่การหลอกไปทำงาน เหยื่อจะเป็นนักศึกษาที่อยากมีรายได้เสริม กับบัณฑิตจบใหม่

“เด็กบางคนอยากหารายได้เสริม อยากมีงานทำ ไปเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตหางาน พบประกาศเชิญชวนไปทำงาน ให้รายได้ดี จึง Inbox ไปสอบถาม แต่อาจไม่รู้ว่านี่คือหลุมพราง”

หลังการแชตพูดคุย มิจฉาชีพจะใช้สารพัดอุบายให้เหยื่อมาพบ บางเคสพบให้เงินก้อนก่อนเลย พอเด็กรับเงินมาแล้วก็ขัดขืนไม่ได้ ขณะที่บางคนหลังนัดเจอตัว ก็ถูกบังคับขึ้นรถยนต์ ก่อนส่งไปชายไทยติดประเทศเพื่อนบ้าน ให้เดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติ ข้ามไปทำงานคอลเซนเตอร์

เด็กไทยทำคอลเซนเตอร์ ถูกหลอกหรือตั้งใจไป?

รอง ผบก.ปอท. เล่าว่า ส่วนตัวเชื่อว่าหากเด็ก ๆ ทราบก่อนว่างานรายได้ดีที่ติดต่อไป บอกชัดเจนว่าต้องไปทำคอลเซนเตอร์ เชื่อเลยว่าพวกเขาไม่มีใครอยากไปหรอก แต่เพราะพวกเขาไม่รู้ พวกเขาถูกพูดจาหว่านล้อมต่าง ๆ นานา หลายคนก็ถูกบังคับ

สอดคล้องกับการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา หลังจากเดินทางข้ามพรมแดนแล้ว เด็กไทยจะถูกพาไปยังตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ปิด ถูกบังคับให้ทำงาน หากไม่ทำงาน หรือทำไม่ได้ตามเป้าหมาย จะถูกทำร้าย ก่อนหน้านี้พบคนไทยถูกจับโยนลงมาจากตึกจนเสียชีวิต

“อยากให้น้อง ๆ เวลาหาสมัครงาน เช็กกับกระทรวงแรงงานก่อนแล้วค่อยไปคุย เพื่อจะมีข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจว่านี่คือของจริงหรือหลอก อย่าไปไถ ๆ โซเชียลมีเดีย ที่เป็นโฆษณาชวนทำงาน หารายได้เสริม แล้วเชื่อในทันที ต้องมี Skill เอ๊ะ”

“เศษเงินมิจฉาชีพ” ล่อเด็กไทยเปิดบัญชีม้า-ซิมม้า

ไม่เพียงหลอกไปทำงาน เด็กและเยาวชนไทยยังถูกหลอกล่อให้เปิดบัญชีม้า ซิมม้า

“ตอนนี้พบตามต่างจังหวัด มิจฉาชีพจะบอกให้เด็กไปเปิดบัญชีธนาคาร ให้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วมิจฉาชีพก็เอาบัญชีไปใช้ หรือพูดง่าย ๆ คือขายบัญชี”

“อยากเตือนเด็ก ๆ ว่าอย่าเห็นแก่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ บางทีเงินไม่กี่พันบาท แต่โทษการเปิดบัญชีม้ามันถึง 3 ปีเลยนะ เงิน 3,000 บาทที่เราได้ หารเวลา 3 ปีที่ต้องอยู่ในเรือนจำ มันไม่คุ้มเลย”

ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลอกเด็ก

เด็กไทยเผชิญกับแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ต่างจากคนช่วงวัยอื่น ทั้งได้รับ SMS ให้กดลิงก์, โทรศัพท์-วิดีโอคอลแต่งกายปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาข่มขู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เด็กไทยกำลังเผชิญมากกว่าคนช่วงวัยอื่น และกำลังเกิดขึ้นมากช่วงนี้ คือ “การเรียกค่าไถ่กับผู้ปกครอง”

พ.ต.อ. เนติ เล่าว่า มิจฉาชีพจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาจจะบอกข้อมูลเบื้องต้น เช่น ชื่อ-นามสกุล, เลขบัญชีธนาคาร ฯลฯ จนเด็กเชื่อว่าเป็นของจริง จากนั้นเขาจะพูดจาหว่านล้อมให้รู้สึกกลัว บังคับให้เด็กไปกักตัวเองในที่แห่งหนึ่ง 

พอเด็กออกจากบ้านไปกักตัว ผู้ปกครองจะตามหาเด็กว่าหายไปไหน ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ อีกขาหนึ่งเขาก็จะโทรหาผู้ปกครองเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งช่วงหลังกำลังเกิดขึ้นเยอะ

“อยากบอกเด็ก ๆ เมื่อได้รับสายโทรศัพท์แปลก อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ แนะนำว่าไม่ว่าจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานไหนก็แล้วแต่ ให้ตัดสายเลย อย่าไปเชื่อ เพราะหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง ส่วนใหญ่จะทำเป็นหนังสือราชการมาว่าเราเกี่ยวข้องยังไง”

เจาะแก๊งสแกมเมอร์ เหมือน “บริษัท” ตั้งใจมาหลอก

สารพัดการหลอกของสแกมเมอร์ไม่ใช่ความฉาบฉวย ที่หลอกได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะพวกเขาตั้งใจมาหลอก

หลังตำรวจไทยจับกุมขบวนการสแกมเมอร์แก๊งหนึ่ง และ ได้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบหลังบ้าน พบว่าเครือข่ายและระบบของแก๊งสแกมเมอร์มีการหลอกครบทุกรูปแบบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แยกประเภททุกรูปแบบ ทั้งหลอกขายของออนไลน์ หลอกจองที่พักโรงแรม หลอกซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก หลอกหารายได้เสริม หลอกกู้เงินทางออนไลน์ เปิดเว็บไซต์หลอกลงทุน

รอง ผบก.ปอท. เล่าว่า อยากให้เห็นภาพว่าแก๊งคอลเซนเตอร์ที่เรารู้ว่าอยู่ตามชายแดน ถ้าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ใหญ่ ระดับสเกลจะคล้ายบริษัทมหาชน ทำครบทุกรูปแบบ อีกทั้งมีเครือข่ายทั้งด้านข้าง ด้านบน แต่ถ้าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์เล็ก ๆ ที่เริ่มตั้งไข่ใหม่ อาจจะมีแค่จุดเดียว  

“พวกเขาทำกันเหมือนบริษัท แต่ละวันจะคิดผลรวมออกมาเลยว่าแต่ละรูปแบบหลอกได้เท่าใด วันนี้ได้กำไรเท่าใด และจะหลอกต่อเนื่อง คนไทยทุกคนมีโอกาสตกเป็นเหยื่อ ฉะนั้นอยากให้เปิดดูคำแนะนำ คำเตือนภัยที่หน่วยงานรัฐ รวมถึงไทยพีบีเอสได้แจ้งเตือน เราจะได้มีภูมิคุ้มกัน ไม่ตกเป็นเหยื่อ” พ.ต.อ. เนติกล่าวทิ้งท้าย

ไทยพีบีเอส ให้ความรู้-ประสานช่วยเหยื่อสแกมเมอร์

ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานและองค์กร ทำชุดความรู้-แจ้งเตือนประชาชนเผยแพร่ตามเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือ ไทยพีบีเอส โดยเว็บไซต์ The Visual ทำคอนเทนต์ในรูปแบบ Data Visualization ให้ผู้ชมเห็นภาพและเข้าใจสแกมเมอร์ได้ง่ายขึ้น ในเรื่อง The Scammer: Click • Pay • Cry กฎข้อเดียวของเกมนี้ = อย่าเชื่อใจใคร เข้าชมได้ทาง www.thaipbs.or.th/TheVisualScammer

ผู้ชมจะได้ทราบถึงภาพรวมสถานการณ์สแกมเมอร์ ไม่เพียงสร้างความเสียหายในไทย แต่ยังเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีรูปแบบการหลอกแตกต่างกันไป ทั้งหลอกขายสินค้าออนไลน์ หลอกให้รัก ฯลฯ ทำกันเป็นขั้นเป็นตอน ฐานแก๊งคอลเซนเตอร์อาจไม่ได้อยู่ตามแนวชายแดนไทยเท่านั้น แต่ระยะหลังขยับเข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้ว ตลอดจนวิธีการขอความช่วยเหลือเมื่อตกเป็นเหยื่อ และวิธีป้องกันตัวเอง สามารถรับชมเพิ่มภูมิคุ้มกัน หรือส่งต่อชุดความรู้ที่มีประโยชน์ให้คนอื่น ๆ ต่อไป

ไทยพีบีเอส ยังมีชุดความรู้จากรายการสถานีประชาชน สามารถไปอัปเดตกันได้ที่เพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/PeopleThaiPBS พร้อมทำหน้าที่ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากขบวนการสแกมเมอร์ ล่าสุดยังร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมให้ความรู้ตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชน

“วัยเด็ก” เสี่ยงถูกสแกมเมอร์หลอกมากกว่าวัยอื่น

อภิกขณา เขื่อนแก้ว ผู้สื่อข่าวอาวุโส รายการสถานีประชาชนไทยพีบีเอส เล่าว่า วัยเด็กมีความเสี่ยงถูกสแกมเมอร์หลอกมากกว่าวัยกลางคน เพราะว่าเด็กบางครั้งเอาแต่เรียนหนังสือ ไม่ได้ดูข่าวสาร อาจรู้ไม่เท่าทันภัยออนไลน์ 

“เด็กบางคนอาจเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกดิจิทัล AI ทำได้หมด ก็อยากให้รู้เท่าทัน” 

อภิกขณา ตั้งข้อสังเกตจากเคสส่วนมากน้อง ๆ จะโดนหลอกซื้อของออนไลน์ ซื้อของไม่ได้ของ ซื้อของไม่ตรงปก รวมถึงการทำงานหารายได้เสริม จะถูกหลอกให้แพ็กสินค้า

อีกทั้งโทร-ส่ง SMS หลอกว่าได้ของรางวัล ส่วนมากพอเด็กอยากได้ เขาจะออกอุบายให้ทำภารกิจก่อน ถ้าทำสำเร็จ 3 ภารกิจ จะได้ของไปใช้ฟรี แต่สุดท้ายก็จะเชื่อมโยงให้โอนเงินอยู่ดี

ถอดบทเรียน “บัญชีม้า” ได้คุ้มเสีย?

แต่มีกรณีหนึ่งที่ อภิกขณา อยากสื่อสารและแจ้งเตือนไปยังเด็กและเยาวชนคือ “บัญชีม้า” ซึ่งระยะหลังแก๊งสแกมเมอร์พุ่งเป้าไป พบว่าให้ผลตอบแทนบัญชีละ 3,000-5,000 บาท โดยจะต้องเดินทางข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน

“มีเคสหนึ่งบอกกับเราว่า เขาติดต่อไปที่เพจเฟซบุ๊กชื่อว่าเช่าบัญชี จากนั้นมีคนติดต่อกลับมา ซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ เปิดซิมใหม่ แล้วติดตั้งแอปฯ ธนาคาร ก่อนมีรถแท็กซี่มารับถึงบ้าน พาไปอำเภออรัญประเทศ เดินผ่านช่องทางธรรมชาติ แม้จะมีทหารคุมเข้มชายแดน” 

“พอข้ามฝั่งไปได้ เข้าไปอยู่ในตึกเหลือง ทำหน้าที่สแกนหน้าในแอปธนาคาร นอกนั้นก็นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ประมาณ 10 กว่าวัน พอหมดประโยชน์ ก็ถูกส่งกลับ ได้เงินติดตัวมา 4,500 บาท เขาสงสัยว่าตัวเองตกเป็นบัญชีม้าหรือไม่ และติดต่อรายการมา ว่าอยากเปิดโปงขบวนการนี้” 

อภิกขณา ยืนยันปลายทางของบัญชีม้าว่า ได้ไม่คุ้มเสีย กับเงินได้ไม่กี่พันบาท แต่โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ยิ่งถ้าสืบสวนต่อไปว่าถ้าคุณเต็มใจไป จะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย อันนี้โทษก็จะหนักกว่า

“เคสบัญชีม้าบางคน ถึงกับครอบครัวแตกแยกเลย เพราะตอนข้ามไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เขายึดโทรศัพท์มือถือ ลูกเมียติดต่อไม่ได้ พอได้กลับมาคือครอบครัวแตกแยกเลย เป็นเรื่องจริง”

ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ ขอความช่วยเหลือ “สถานีประชาชน”

หลากหลายเคสถูกสแกมเมอร์หลอก หรืออยากขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อรายการสถานีประชาชน ไทยพีบีเอส ได้ที่เบอร์โทรศัพท์  0-2790-2111 หรือติดต่อทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/PeopleThaiPBS สามารถให้คำปรึกษา พร้อมประสานงานพาเคสเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ ตำรวจสอบสวนกลาง