EN

แชร์

Copied!

ระวัง แอปฯ ฟรีหลอกลวง? ข้อมูลเด็กถูกดูดโดยไม่รู้ตัว !

8 พ.ค. 6810:00 น.
ระวัง แอปฯ ฟรีหลอกลวง? ข้อมูลเด็กถูกดูดโดยไม่รู้ตัว !
มิจฉาชีพใช้ SMS ปลอมแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ หลอกเรียกเก็บค่าปรับจอดรถผิดกฎหมาย พร้อมแนบลิงก์ปลอมให้คลิก ผู้รับอาจเผลอกรอกข้อมูลส่วนตัวจนสูญเงินโดยไม่รู้ตัว การรู้เท่าทันจึงสำคัญในยุคภัยไซเบอร์แพร่ระบาด

จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัลของคนไทยในปี 2024 พบว่าเด็กและเยาวชนไทยมีการใช้งานแอปพลิเคชันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี โดยแอปพลิเคชันยอดนิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ TikTok, YouTube, Instagram และ Facebook ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างเด็กกับเทคโนโลยีที่มากขึ้นในชีวิตประจำวัน

แอปพลิเคชันฟรีกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงเด็กได้ง่ายขึ้น เพราะความสะดวก ประหยัด และดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่ความจริงกลับซ่อนความเสี่ยงไว้มากกว่าที่คิด เพราะแลกมาด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้งาน ตำแหน่งที่อยู่ หรือแม้แต่การเข้าถึงไมโครโฟนและกล้องโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกนำไปวิเคราะห์ ส่งต่อ หรือขายให้กับบริษัทโฆษณาโดยที่คุณไม่รู้ตัว

ยิ่งไปกว่านั้น แอปฯ บางตัวอาจแสดงโฆษณาที่ไม่เหมาะสม หรือมีเนื้อหาที่ชักจูงให้เด็กกดลิงก์หรือดาวน์โหลดสิ่งที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของเด็กในระยะยาว ทั้งในด้านจิตใจ พฤติกรรม และความคิด

ดังนั้น ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจและตรวจสอบแอปพลิเคชันทุกครั้งก่อนให้ลูกใช้งาน ไม่ว่าจะฟรีหรือเสียเงินก็ตาม การอ่านรีวิว ตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัว และเลือกใช้แอปฯ ที่ได้รับการรับรองจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องลูกคุณจากภัยเงียบในยุคดิจิทัล

ระวัง แอปฯ ฟรีหลอกลวง? ข้อมูลเด็กถูกดูดโดยไม่รู้ตัว !


แอปฯ ฟรีเก็บข้อมูลอะไรบ้าง ?

หลายแอปพลิเคชันฟรี โดยเฉพาะแอปฯ ที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก เช่น แอปฯ เกม แอปฯ เรียนออนไลน์ หรือแอปฯ วาดรูปที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย มักมีการร้องขอ "สิทธิ์เข้าถึง" ที่ดูเกินความจำเป็นสำหรับการทำงานของแอป ฯ เช่น แอปฯ เกมง่าย ๆ อาจขอเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้งาน (Location) แม้ว่าไม่ได้มีฟังก์ชันใดที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ หรือแอปฯ วาดรูปสำหรับเด็กอาจขอเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อ (Contacts) และประวัติการใช้งานของเครื่อง (Usage Data) โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน

นอกจากนี้ ยังมีการขอเข้าถึงหมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะของสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตที่สามารถใช้ติดตามพฤติกรรมการใช้งานในระยะยาว ข้อมูลเหล่านี้หากถูกรวบรวมไว้จำนวนมาก ก็สามารถนำไปใช้วิเคราะห์เพื่อแสดงโฆษณาแบบเจาะจง (Targeted Ads) ที่สอดคล้องกับความสนใจของเด็ก หรือแม้แต่พฤติกรรมของผู้ปกครองที่ใช้เครื่องเดียวกัน

ในกรณีร้ายแรงกว่านั้น ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกขายให้กับบริษัทภายนอก โดยเฉพาะบริษัทด้านการตลาดหรือโฆษณาที่นำข้อมูลไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยที่ผู้ปกครองไม่เคยรับรู้หรือให้ความยินยอมอย่างแท้จริง นี่จึงกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า “แอปฯ ฟรี” ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่แท้จริงแล้วอาจเป็นประตูให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกคุณรั่วไหลสู่โลกภายนอก

เด็กคือกลุ่มเสี่ยงที่ถูกละเมิดข้อมูลมากที่สุด

เด็กมักยังไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจนว่า “ข้อมูลส่วนตัว” คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อความปลอดภัยของตนเองในโลกออนไลน์ เมื่อมีหน้าต่างแสดงคำขอ “ยินยอม” เพื่อเข้าถึงข้อมูล เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง กล้อง หรือไมโครโฟน ปรากฏขึ้นมา พวกเขามักจะกด “อนุญาต” โดยไม่ได้ไตร่ตรองถึงผลกระทบ เพราะยังขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจ และไม่รู้ว่ากำลังให้สิทธิ์อะไรกับแอปฯ นั้นบ้าง

ขณะเดียวกัน แอปพลิเคชันจำนวนมากไม่ได้ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กเป็นหลัก แต่กลับเน้นเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูลมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม นำเสนอคอนเทนต์แบบเจาะจง หรือแม้กระทั่งขายข้อมูลให้บริษัทอื่นเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ความล่อใจจากแอปฯ ที่มีภาพสวยงาม เนื้อหาน่าสนใจ หรือเกมที่ดึงดูดใจ ทำให้เด็กตกหลุมพรางได้ง่ายยิ่งขึ้น

องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ยังได้ออกมาเตือนว่า การที่เด็กใช้อินเทอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชันโดยไม่มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ปกครอง อาจทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัลได้อย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการถูกเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การแสดงโฆษณาที่ไม่เหมาะสม หรือแม้แต่การถูกติดตามพฤติกรรมโดยบริษัทเทคโนโลยีโดยที่เด็กและครอบครัวไม่รู้ตัวเลย

TikTok ถูกปรับหลายล้านปอนด์เพราะเก็บข้อมูลเด็ก

ในปี 2023 หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของอังกฤษ หรือ Information Commissioner's Office (ICO) ได้สั่งปรับ TikTok เป็นเงินกว่า 12.7 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 550 ล้านบาท โทษฐานละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบที่เข้มงวดของกฎหมาย UK GDPR ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อนจะเก็บหรือประมวลผลข้อมูลของผู้ใช้งานที่ยังเป็นเด็ก

กรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในระดับโลกเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านข้อมูลของเด็กบนแพลตฟอร์มยอดนิยม TikTok มีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก รวมถึงเด็กและเยาวชนจำนวนมาก การละเมิดสิทธิเด็กในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ก็อาจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด จึงเป็นหน้าที่ของทั้งหน่วยงานภาครัฐ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม และผู้ปกครองในการร่วมกันปกป้องความเป็นส่วนตัวของเด็กในยุคดิจิทัล

ระวัง แอปฯ ฟรีหลอกลวง? ข้อมูลเด็กถูกดูดโดยไม่รู้ตัว !

ผู้ปกครองควรทำอย่างไร ?

อ่านเงื่อนไขก่อนดาวน์โหลด : ก่อนที่จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใด ๆ ควรตรวจสอบอย่างละเอียดว่าแอปฯ นั้นขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลใดบ้าง เช่น การเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้ง รายชื่อผู้ติดต่อ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของแอปฯ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการให้สิทธิ์ที่อาจเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวของเด็กได้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในอุปกรณ์ : ควรตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตของเด็ก โดยการปิดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่จำเป็น เช่น การเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้ง ไมโครโฟน หรือกล้อง เพื่อป้องกันการเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความเป็นส่วนตัวของลูกในระยะยาว

ใช้แอปฯ ควบคุมจากผู้ปกครอง (Parental Control) : แอปฯ ควบคุมจากผู้ปกครองสามารถช่วยให้คุณกำหนดเวลาใช้งานแอปพลิเคชัน และจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมตามอายุของเด็ก เช่น การตั้งเวลาในการใช้งาน หรือการเลือกประเภทแอปฯ ที่เด็กสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถควบคุมและดูแลการใช้งานของลูกได้ดียิ่งขึ้น

พูดคุยกับลูกเรื่องความเป็นส่วนตัว : การพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าไม่ควรแชร์ข้อมูลส่วนตัว เช่น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ หรือชื่อโรงเรียน ในแอปพลิเคชัน หรือกับบุคคลที่ไม่รู้จัก เพื่อให้ลูกสามารถตระหนักถึงความเสี่ยงจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในโลกออนไลน์ได้

แอปฯ ฟรีไม่ฟรีจริง เพราะข้อมูลคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า

แอปพลิเคชันฟรีที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดี แต่ในความเป็นจริงมันอาจไม่ฟรีอย่างที่คิด เพราะข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อการโฆษณา หรือขายให้กับบุคคลที่สามเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และทำการตลาด แม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่ได้จ่ายเงินโดยตรงสำหรับแอปฯ นั้น ๆ แต่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้งาน ความชอบ และข้อมูลการค้นหาที่เราทิ้งไว้ในโลกออนไลน์ กลับเป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้สร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทเหล่านั้น โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว การที่แอปพลิเคชันฟรีหลายตัวเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานจึงกลายเป็นวิธีหนึ่งในการทำกำไรโดยไม่ต้องพึ่งพาการขายสินค้าหรือบริการโดยตรง นี่คือเหตุผลที่ผู้ใช้งานควรตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความเป็นส่วนตัวและให้ความสนใจกับสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันขอเข้าถึงก่อนที่จะตกลงใช้งาน.

แอปฯ ฟรีอาจไม่ฟรีอย่างที่คิด โดยเฉพาะกับเด็กที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการเก็บข้อมูล การที่ผู้ปกครองให้ความรู้ ควบคุมการใช้งาน และรู้จักตั้งค่าความเป็นส่วนตัว เป็นทางเลือกสำคัญในการ ปกป้องความปลอดภัยในโลกดิจิทัลของลูกคุณ

ข้อมูลจาก: dataxetUNICEF – Digital Privacy and Children, BBC News - TikTok fined £12.7m for misusing children's data