ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หลังได้รับอีเมลแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนจาก Netflix บริการสตรีมมิงวิดีโอระดับโลก หลอกว่าบัญชีมีปัญหาเรื่องการตัดเงินค่าสมาชิก พร้อมแนบลิงก์ให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต และรหัส OTP เพื่อต่ออายุบริการ ซึ่งแท้จริงเป็นกับดักดูดเงินจนหมดบัญชี
กลโกงเริ่มจากการส่งอีเมลหรือโทรศัพท์หลอกว่าการตัดค่าบริการ Netflix ล้มเหลว โดยอ้างว่าจำเป็นต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและ OTP เพื่อยืนยันการชำระเงิน หากผู้ใช้หลงเชื่อและให้ข้อมูล มิจฉาชีพจะนำไปใช้กดเงิน หรือโอนออกจากบัญชีทันที
ล่าสุดเหยื่อรายหนึ่งต้องสูญเงินกว่า 200,000 บาท หลังได้รับอีเมลจากชื่อ Maximilian Loff ซึ่งอ้างว่าเป็นทีมงาน Netflix แจ้งว่าต้องต่ออายุสมาชิก
ผู้เสียหายเผยว่า ขณะเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากอีเมลดังกล่าว ซึ่งตรงกับช่วงที่บัตรเครดิตใบเก่าหมดอายุพอดี จึงไม่เอะใจและดำเนินการชำระเงินด้วยบัตรใหม่ผ่านระบบ OTP โดยเข้าใจว่าเป็นค่าบริการ Netflix เดือนละ 419 บาท
ไม่นานหลังจากยืนยันรหัส OTP กลับได้รับข้อความ SMS จากธนาคารแจ้งว่ามีการโอนเงินออกไป 2 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 2 แสนบาท ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้รู้ตัวว่าถูกหลอกเรียบร้อยแล้ว
หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายรีบติดต่อธนาคาร และดำเนินการแจ้งความตามขั้นตอน ภายหลังธนาคารตรวจสอบพบว่าเงินถูกโอนไปยังบัญชีของบุคคลชื่อ นาย Zaid Aiman ชาวเลบานอนที่ถือสัญชาติอิตาลี ซึ่งเป็นผู้รับปลายทางผ่านแอป Whish Money โดยทางฝั่งรับโอน ปฏิเสธคืนเงิน อ้างว่าเป็นการทำธุรกรรมโดยถูกต้อง
ทางธนาคารจึงมีหนังสือเรียกเก็บยอดจากผู้เสียหายตามวงเงินที่ถูกโอนออก แม้ว่าทางผู้เสียหายจะยื่นหนังสือปฏิเสธความรับผิดชอบต่อยอดหนี้ไปยังธนาคาร และแจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วก็ตาม
นฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ผู้ร้องได้แจ้งขออายัดธุรกรรมกับธนาคารแล้ว ธนาคารควรดำเนินการระงับการจ่ายเงินทันที หากเพิกเฉย ผู้ร้องไม่มีหน้าที่ต้องชดใช้ยอดที่เกิดจากความบกพร่องของธนาคาร หากมีการฟ้องร้อง ผู้ร้องจำเป็นต้องสู้คดีในชั้นศาล พร้อมนำหลักฐานทั้งหมดไปแสดง เช่น สำเนาการแจ้งความ, หนังสือปฏิเสธชำระหนี้ และหลักฐานการรับ OTP ที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย ซึ่งขัดแย้งกับสถานที่ปลายทางในการทำธุรกรรม
จากการตรวจสอบของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบว่าอีเมลที่ใช้แอบอ้างมักเป็นชื่อบุคคลธรรมดา เช่น “Maximilian Loff” ซึ่งไม่ได้มาจากระบบหรือโดเมนของ Netflix โดยตรง จึงขอเตือนผู้ใช้ทุกคนว่า หากได้รับอีเมลแปลกปลอม หรือข้อความที่ดูไม่น่าเชื่อถือ อย่ากดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัวเด็ดขาด
หากเผลอกรอกข้อมูลไปแล้ว แนะนำให้รีบอายัดบัตรเครดิตทันที ขอออกบัตรใหม่ และเปลี่ยนรหัสผ่านของแอปพลิเคชันธนาคารทั้งหมดเพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมซ้ำ
ข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค