ย้อนรอย ก.ล.ต.สั่งฟันกรณีปั่นราคาหุ้น-ใช้ข้อมูลภายใน

เศรษฐกิจ
24 ม.ค. 62
11:22
1,158
Logo Thai PBS
ย้อนรอย ก.ล.ต.สั่งฟันกรณีปั่นราคาหุ้น-ใช้ข้อมูลภายใน
หมอปราเสริฐ และบุตรสาวไม่ใช่กรณีแรกที่ ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่งจากการสร้างราคาหุ้น BA แต่ในช่วงปลายปีที่แล้ว มีกรณีแบบเดียวกัน จากการสร้างราคาหุ้น AJD หรือ AJA มีผู้กระทำความผิดมากถึง 40 ราย และ 3 ใน 40 รายเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย

วันนี้ (24 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นเรื่องที่สะเทือนวงการตลาดทุนไม่น้อย หลังจากเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2562 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกข่าวการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ, น.ส.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และนางนฤมล ใจหนักแน่น จากกรณีสร้างราคาหุ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2558 - 12 ม.ค.2559 โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 499.45 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนด้วย

จากข้อมูลของเว็บไซต์ ก.ล.ต.พบว่าในปี 2561 มีกรรมการและผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน รวมถึงนักลงทุนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างราคาหุ้นและใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นหลายกรณีด้วยกัน ล่าสุด 27 ธ.ค.2561 เป็นกรณีที่ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดมากถึง 40 ราย ซึ่งรวมถึงนายอมร มีมะโน, นายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ และนางณษิกา มีมโนนันท์ ที่เป็นผู้บริหารบริษัท จากกรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD ซึ่งในปัจจุบัน คือบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA  ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.2557 - 8 ต.ค.2557 โดย ก.ล.ต.เรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 1,727.38 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนด้วย

29 พ.ย.2561 ลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ นายสมบูรณ์ ยิ่งยงกิจมงคล กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้นบริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA และใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น, นายศรัณยู ยิ่งยงกิจมงคล กรณียินยอมให้นายสมบูรณ์ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 19-24 ก.ค.2560 โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายจากการตรวจสอบการกระทำความผิดรวมจำนวน 972,698 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามนายสมบูรณ์และนายศรัณยูเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 1 ปี และ 6 เดือน ตามลำดับ

16 พ.ย.2561 กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH กับพวกรวม 17 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันสร้างหนี้เทียม เพื่อให้ EARTH เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งเบียดบังเอาทรัพย์สินของ EARTH เป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต และแจ้งพนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำผิด 11 ราย กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหลักทรัพย์ EARTH โดยสั่งห้ามผู้กระทำผิด 17 ราย กรณีร่วมสร้างหนี้เทียม ห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี

ส่วนผู้กระทำผิด 11 ราย กรณีใช้ข้อมูลภายใน ทาง ก.ล.ต.ขอให้ศาลกำหนดชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดรวม 183,268,831.70 บาท และห้ามไม่ให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งให้ผู้กระทำความผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต.รายละ 18,900.45 บาท พร้อมรายงานการดำเนินการทั้ง 2 กรณีข้างต้นไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อด้วย

 

 

 

31 ส.ค.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 4 ราย ได้แก่ นางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ ผู้บริหารบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น PERM  ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุตร 3 ราย ได้แก่ น.ส.ณัฐพร ยงวงศ์ไพบูลย์, น.ส.ลลิลพร ยงวงศ์ไพบูลย์ และนายเพิ่มศิลป์ ยงวงศ์ไพบูลย์ โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวมกว่า 25.15 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาห้ามนางชไมพรเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน เป็นเวลา 3 ปี ส่วน น.ส.ณัฐพร และ น.ส.ลลิลพร เป็นเวลารายละ 1 ปี และนายเพิ่มศิลป์ 6 เดือนด้วย

30 ส.ค.2561 ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 1 ราย ได้แก่ นายสุรินทร์ บรรยงพงศ์เลิศ จากกรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. - 9 ส.ค.2560 โดยขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบของ ก.ล.ต. รวมเป็นเงิน 24.54 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลสั่งห้ามนายสุรินทร์ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายเป็นเวลา 5 ปี และห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดพร้อมรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อ จากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

23 ส.ค.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ และนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ กรรมการและผู้บริหาร และอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น IFEC  โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 25.86 ล้านบาท ซึ่งนายศุภนันท์จะต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการและผู้บริหาร ต่อมาในวันที่ 11 ก.ย.2561 ก.ล.ต.ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 1 ราย ได้แก่ นายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น IFEC ซึ่งขณะกระทำผิดเป็นกรรมการและผู้บริหารของ IFEC โดยขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4.16 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน เป็นเวลา 1 ปี พร้อมรายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกด้วย

20 ก.ค.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 24 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL  ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. - 3 มิ.ย.2557 โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 172.14 ล้านบาท และสั่งห้ามนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 3 ปี และมีผลทำให้ผู้กระทำผิดทั้ง 23 ราย ที่เหลือเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนด้วย

 

 

 

21 มิ.ย.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ นายสรัฐ เตกาญจนวนิช ผู้จัดการสำนักวางแผนธุรกิจและการเงินของบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG และ น.ส.มาลิตา ลิ้มล้อมวงศ์ จากกรณีสร้างราคาหุ้น TOG  โดยนายสรัฐได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ น.ส.มาลิตา (ปัจจุบันเป็นภรรยา) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวมกว่า 4.83 ล้านบาท และสั่งห้ามนายสรัฐเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 2 ปี

7 มิ.ย.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 7 ราย ซึ่งรวมถึงนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ที่เป็นผู้บริหารบริษัท กรณีสร้างราคาหุ้น บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ซึ่งในปัจจุบัน คือบริษัท ดิจิตอลเทค แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ DIGI  ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. - 30 มิ.ย.2557 โดยนายปรเมษฐ์ได้ชำระค่าปรับทางแพ่ง 500,000 บาท ส่วนอีก 6 ราย ลงนามในบันทึกยินยอมและชำระค่าปรับทางแพ่ง และสั่งห้ามนายปรเมษฐ์เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 3 ปี ต่อมาในวันที่ 13 มิ.ย.2561 ผู้กระทำความผิด 6 รายที่เหลือยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยชำระค่าปรับทางแพ่งรวมกว่า 120 ล้านบาท

6 มิ.ย.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ นายชัชชัย ธรรมารุ่งเรือง รองประธานกรรมการและกรรมการบริหารของบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN และ น.ส.เบญจมาศ ธรรมารุ่งเรือง บุตรสาวนายชัชชัย จากกรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น MODERN โดยนายชัชชัยได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ น.ส.เบญจมาศ โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวมกว่า 2.58 ล้านบาท และสั่งห้ามนายชัชชัยเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 1 ปี

30 มี.ค.2561 ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ นายพินิต วงศ์มาศา ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ (ปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่ง) ของบริษัท ผาแดง อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI และนายชัชชลา วงศ์มาศา บุตรชายนายพินิต จากกรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น PDI  โดยนายพินิตได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายชัชชลา โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 1,917,895.83 บาท และผู้กระทำผิดทั้ง 2 รายไม่สามารถเข้ามาเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน

 

 

 

ส่วนกรณีสุดท้ายในปีที่ผ่านมา คือ 26 มี.ค.2561 ก.ล.ต.ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำผิดรวม 25 ราย ฐานร่วมกันสร้างราคาหุ้น 6 ตัว  โดยสลับกันเข้าซื้อขายหุ้นทั้ง 6 ตัว ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2556 - 24 มี.ค.2558 ได้แก่ 1. กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ขณะเกิดเหตุชื่อบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC ผู้กระทำผิด 23 ราย ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2556 - 27 พ.ย.2557, 2.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) (MILL) มีผู้กระทำผิด 6 ราย ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. - 3 มิ.ย.2557

3.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR ขณะเกิดเหตุชื่อบริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ WAT มีผู้กระทำผิด 17 ราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.2557 - 9 ม.ค.2558, 4. กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC มีผู้กระทำผิด 11 ราย ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.2557 - 13 ก.พ.2558, 5. กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NINE มีผู้กระทำผิด 12 ราย ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2557 - 24 มี.ค.2558

และ 6. กรณีสร้างราคาใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NINE-W1 มีผู้กระทำผิด 5 ราย ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.2558 - 2 มี.ค.2558 โดยได้ฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวน 890,789,424 บาท พร้อมรายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อ และผู้กระทำผิดทั้ง 25 รายไม่สามารถเข้ามาเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง