ไม่ชี้ชัดขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึงสิ้นเดือน พ.ค.-พอใจกักตัว

การเมือง
16 เม.ย. 63
14:46
945
Logo Thai PBS
ไม่ชี้ชัดขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึงสิ้นเดือน พ.ค.-พอใจกักตัว
ผบ.ทสส./หน.ศปม. ยังไม่ยืนยันว่าจะพิจารณาต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปถึงสิ้นเดือนพ.ค.หรือไม่ เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องชี้วัด โดยอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี พร้อมระบุ พอใจการทำงานของจนท.ในการดูแลคนไทยกลับจากต่างประเทศตามมาตรการเฝ้าระวัง

วันนี้ (16 เม.ย.2563) พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ลงพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ Emergency Operation Center ในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ รวมไปถึงพบกับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ก่อนจะพาไปยังสถานที่ควบคุมแห่งรัฐ

 

พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มปรับกระบวนการรับคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ให้มีขั้นตอนที่สั้นลง และใช้ระยะเวลาในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้น้อยที่สุด ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่อาจมีรายละเอียดบางอย่างต้องปรับปรุงอยู่บ้าง โดยเฉลี่ยใช้เวลาตั้งแต่ลงเครื่องจนออกจากประตู และขึ้นรถรับ-ส่ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจ เราได้ดำเนินการโดยถือหลัก ยินดีต้อนรับคนไทย ที่เดินทางกลับมา และทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความปลอดภัย

พล.อ.พรพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงการพิจารณาขยายประกาศเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบในวันที่ 30 เม.ย.นี้ว่า จะพิจารณาขยายไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.หรือไม่ว่า เป็นอำนาจพิจารณาของนายกรัฐมนตรี โดยยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องอาศัยตัวชี้วัดหลายอย่าง จึงจะบอกได้ว่า ควรผ่อนผันหรือเข้มงวดมากขึ้น แต่ทั้งหมดคนไทยต้องเข้มงวดปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่าง

 

ส่วนรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ก็คงจะคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาประเมินพิจารณา โดยตั้งแต่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อมาตรการดำเนินไปสักระยะหนึ่งแล้ว จะเกิดความเคยชินและละเลยโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ระมัดระวัง

อยากให้ทุกคนระลึกเสมอว่า ที่เหตุการณ์ของประเทศไทยดีขึ้น เพราะความร่วมมือของทุกคน จึงขอให้ทุกคนรักษาวินัย อย่าเพิ่งหย่อนยานทางสังคม เป็นเรื่องของจิตสำนึก และสังคมไทยในเวลานี้ ควรจะอยู่ด้วยความห่วงใย การกระทำที่เป็นการฝ่าฝืน อาจไปเพิ่มความเสี่ยง ทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบ ซึ่งการจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาตรการต่างๆ เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าหน้าที่อยากทำ จึงเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันตักเตือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน เวลา 13.35 น. เที่ยวบิน Q2 9350 จากมัลดีฟส์ มีผู้โดยสารมาจำนวน 55 คน จะเข้าสู่สถานที่ควบคุมแห่งรัฐ หรือ State Quarantine ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ จอมเทียน ชลบุรี ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 119 คน ในช่วงเช้าวันเดียวกัน เข้าสู่ State Quarantine ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิท ระยะเวลา 14 วัน

 

ส่วนวันที่ 17 เม.ย. จะมีคนไทยเดินทางกลับจากประเทศบังกลาเทศอีก 35 คน นอกจากนี้นักเรียนทุน AFS จากประเทศสหรัฐอเมริกา 129 คน และในวันที่ 18 เม.ย.อีก 123 คน ส่วนวันที่ 19 เม.ย. อีก 160 คน

สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับมานั้น ก่อนขึ้นรถจะต้องนำสัมภาระที่ติดตัวมาทุกชิ้น ให้เจ้าหน้าที่ทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยรถบัสที่จอดจะมีระยะห่างรับผู้โดยสารคันละ 20 คนเท่านั้น และเมื่อถึงสถานที่ควบคุมแห่งรัฐก็จะต้องถูกคัดกรองโรคอีกครั้งก่อนเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วันตามมาตรการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง