ลุ้น! สธ.เจรจาไฟเซอร์ซื้อ "ยาแพกซ์โลวิด" 12 พ.ย.นี้

สังคม
8 พ.ย. 64
19:38
298
Logo Thai PBS
ลุ้น! สธ.เจรจาไฟเซอร์ซื้อ "ยาแพกซ์โลวิด" 12 พ.ย.นี้
กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติวงเงินจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์สัปดาห์นี้ และนัดไฟเซอร์หารือการจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด 12 พ.ย. ย้ำการป้องกันโรคยังสำคัญที่สุด ช่วยลดการติดเชื้อและการใช้ยารักษา

วันนี้ (8 พ.ย.2564) นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ แถลงข่าวเกี่ยวกับยารักษา COVID-19 โมลนูพิราเวียร์และแพกซ์โลวิด โดยระบุว่า การจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ จะมีการเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติงบการจัดซื้อสัปดาห์นี้ คาดว่าจะขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนำมาใช้ได้ในช่วง ธ.ค.2564 หรือ ม.ค. 2565


ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะมีการหารือร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ หากมีความก้าวหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป ยืนยันว่า จะพยายามจัดหายาที่มีคุณภาพมารักษา โดยผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทยให้ได้ในเวลารวดเร็ว หากทำให้ประชาชนเข้าถึงยา 2 ชนิดนี้ได้ง่าย ก็จะช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี 

สำหรับยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดเป็นยาชนิดรับประทาน มีกลไกการทำงานต่างกัน โดยยาโมลนูพิราเวียร์จะยับยั้งการถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะยับยั้งเอนไซม์การสร้างโปรตีนที่ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวน โดยประสิทธิผลของยาทั้ง 2 ตัวนี้ จากการให้ยาโมลนูพิราเวียร์ขนาดเม็ดละ 200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 เม็ด รวม 800 มิลลิกรัม เป็นเวลา 5 วัน (40 เม็ดต่อคนในการรักษา) จำนวน 385 คน และให้ยาหลอก 377 คน เมื่อติดตามผลในเวลา 29 วัน พบว่าช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 50% ในกลุ่มยาหลอกมีเสียชีวิต 8 คน กลุ่มยาโมลนูพิราเวียร์ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย


ส่วนการให้ยาแพกซ์โลวิดขนาดเม็ดละ 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง คู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง ให้วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน (ยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดต่อคนในการรักษา) โดยให้จำนวน 389 คน และให้ยาหลอก 385 คนติดตามผลในเวลา 28 วัน พบว่า หากได้รับยาภายใน 3 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 89% หากรับยาภายใน 5 วันตั้งแต่เริ่มมีอาการประสิทธิผลจะอยู่ที่ 85% ถือว่ายาทั้ง 2 ตัวมีประสิทธิผลช่วยไม่ให้อาการรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหนยังไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงรุนแรง



ข่าวที่เกี่ยวข้อง