เปิดอาณาจักรธุรกิจเครือข่ายทุนจีนสีเทา “ตู้ห่าว” หลังถูกอายัดกว่า 4 พันล้าน

อาชญากรรม
29 ธ.ค. 65
15:50
5,355
Logo Thai PBS
เปิดอาณาจักรธุรกิจเครือข่ายทุนจีนสีเทา “ตู้ห่าว” หลังถูกอายัดกว่า 4 พันล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดอาณาจักรธุรกิจเครือข่ายทุนจีนสีเทา “ตู้ห่าว” หลัง ป.ป.ส-ดีเอสไอ รับคดีพิเศษยึดอายัดทรัพย์รวมกว่า 4 พันล้าน “สมศักดิ์” เผยหากผู้ต้องหาชนะคดีอาญาต้องลุ้นชี้แจงที่มาทรัพย์ - ไม่ระบุกรอบเวลาเคลียร์ชัดได้คืน

หากตำรวจไม่เข้าไปบุกจับยาเสพติดที่ผับจิ้นหลิงเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองไม่เกาะติดและปล่อยข้อมูลต่อเนื่อง

สังคมไทยอาจไม่รู้จัก 5 กลุ่มใหญ่ทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเดวิด (ผู้บริหารร้านเบบี้เฟส) กลุ่มหยู่ฉางเฟ่ย(เจ้าของคลับวัน พัทยา) กลุ่มโทนี (เจ้าของร้านสเปซพลัส แบงค็อก) กลุ่มหมิง(เจ้าของร้ายท็อปวัน สุทธิสาร) และกลุ่มตู้ห่าว

ชื่อของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ”ตู้ห่าว”และเครือข่ายคนใกล้ชิดคงไม่ปรากฎ และอาจไม่มีการสืบขยายผลจนเห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างและกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา กลุ่มทุนการเมือง นักการเมือง ข้าราชการ ที่มีส่วนเเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงให้เห็นอาณาจักรธุรกิจที่เติบโตก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปี

วันนี้”ตู้ห่าว”หรือนายชัยณัฐร์ ไม่ใช่แค่ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เเละ พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 แต่เขาและพวกที่ถูกจับในชุดแรก 15 คนยังถูกแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินเพิ่มเติมอีกด้วย

ล่าสุดอัยการได้แยกแจ้งข้อกล่าวหาในแต่ละฐานความผิดทั้งคดียาเสพติดและฟอกเงินกับผู้ต้องหาอีก 10 ราย ประกอบด้วย นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล นางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา นายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง นายชุติพนธ์ จันทร์ชัยธนาธิป พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ นางสุรัสวดี ทองเพิ่มพลอย นายพีรพัฒน์ ทองเพิ่มพลอย นายสิทธิกร ประภาจรัสวงศ์ นายฉัตรชัย ลาภอำนวยเจริญ และ นายณัฐวุฒิ ศรีออน

จำนวนนี้มี พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ (ชื่อเดิม วัฒนารี คำนิล) ภรรยาของนายตู้ห่าวกับพวกรวม 3 คน ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้เพิ่งให้ประกันตัวออกไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตีราคา 2 ล้านบาท ห้ามออกนอกราชอาณาจักร

ส่วน น.ส.พัชรินทร์กับพวกรวม 6คน ศาลไม่ได้ประกันตัวเหตุเกี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติคดีโทษสูงเกรงหลบหนี

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้นายชัยณัฐร์และพรรคพวกส่วนหนึ่งจะจับและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว แต่ปัจจุบันศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่า กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ดังนั้นนายชัยณัฐร์หรือตู้ห่าวและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

เปิดสายสัมพันธ์ทุนจีน-ไทยสู่ธุรกิจอสังหาฯ

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองซึ่งเพิ่งได้รับเข็มยุติธรรมดำรงจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงยุติธรรม เคยออกมาให้ข้อมูลว่า นายชัยณัฐร์ หรือ“ตู้ห่าว” หรือ “หาวเจ๋อ ตู้” เป็น CEO ตัวจริงเสียงจริงของกลุ่ม 5 เสือธุรกิจสีเทาชาวจีน เขาเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย แต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับกับพ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ เมื่อปี 2555 ต่อมาได้ขอแปลงสัญชาติ ได้รับสัญชาติไทย

สำหรับพ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ มีศักดิ์เป็นหลานสาวของพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปี 2544-2548 อดีตรองนายกและรมว.กระทรวงยุติธรรมสมัยรัฐบาลเพื่อไทย

โดยพ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์และนายสิทธิไพบูลย์ คำนิล(พี่ชายของพ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ ชื่อเดิม วัฒนารี คำนิล) เป็นบุตรบุญธรรม ของพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ตร.)และนางธารศรี ศรีวรขาน (สกุลเดิม พรหมนอก) บุตรสาวของ พล.ต.อ.ประชา และคุณหญิงวารุณี พรหมนอก

ก่อนหน้าที่ นายชัยณัฐร์ หรือ”ตู้ห่าว”จะกลายเป็นนักธุรกิจผู้มีความสัมพันธ์กับนักการเมือง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และบุคคลในแวดวงการเมือง

เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมาจากประเทศจีนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และได้ใบอนุญาตประกอบอาชีพสำหรับชาวต่างชาติ( work permit) ตามขั้นตอน จนกระทั่งแต่งงานกับพ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ มีลูกด้วยกันจึงมีการแปลงสัญชาติ ได้สัญชาติไทยและเป็นพลเมืองไทยถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่า”ตู้ห่าว” ได้เริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยการเปิดร้านอาหาร เครื่องดื่ม ต่อมามีการขยายกิจการประเภทเช่นให้เช่า ห้องพัก คอนโดมีเนียม

เจาะพื้นที่กทม.ทำสนามม้า-บันเทิงครบวงจร

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า ตั้งแต่ปี 2554 -2565 นายชยณัฐร์ หรือ”ตู้ห่าว”มีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นถึง 21 บริษัท ทุนจดทะเบียนรวมกว่า 1,133 ล้านบาท

จำนวนนี้มี 2 บริษัทที่เลิกกิจการไปแล้ว คือ บริษัทหงี่ไถ จำกัด ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนเลิกกิจการเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2563 และบริษัทเจิ้งหรงกรุ๊ปจำกัด ประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง จดทะเบียนเลิกกิจการเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2663

และมีบริษัทอีก 12 แห่งที่ระบุชื่อนายชัยณัฐร์เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่ได้เป็นกรรมการจำนวน 9 บริษัท แต่พบชื่อนายสิทธิไพบูลย์ คำนิล พี่ชายของพ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ เป็นกรรมการ

สำหรับที่ตั้งของบริษัทที่นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว จดทะเบียนนั้นพบว่าอยู่ในเขตกรุงเทพ 5 แห่งคือ บริษัทสยามโกลเด้น เบย์ อินเตอร์ จดทะเบียนปี 2555 ทุน 500 ล้านบาท ประกอบกิจการสนามกีฬาแข่งม้า สถานบันเทิงครบวงจร ธุรกิจบริการออนไลน์ อสังหาริมทรัพย์

บริษัทกั๋วลี่ กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนปี 2558 ทุน 50 ล้าน ประกอบกิจการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าทรัพย์สิน 956,478,495.40 บาท

บริษัทจิงไท่เหิง จำกัด จดทะเบียนปี 2565 ทุน 5 ล้าน ผลิตเภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค ส่วนอีก 2 บริษัทคือบริษัทหงี่ไถ จำกัด และบริษัทเจิ้งหรงกรุ๊ปจำกัด ได้ปิดกิจการไปแล้ว

ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ มี 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทโรยัล ปาร์ค (ไทยแลนด์)จำกัด จดทะเบียนปี 2559 ทุน 50 ล้าน ทำธุรกิจด้านบันเทิง บริษัทเอ็นจีแอล ทรานสปอร์ต จำกัด ทุน 10 ล้านประกอบกิจการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร บริษัทควีนเลเธอร์ ไทยแลนด์ จดทะเบียนปี 2559 ทุน 50 ล้าน ขายส่งสินค้าวัฒนธรรมแะนันทนาการอื่นๆ

บริษัทโมเดิร์น เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด หรือชื่อเดิมบริษัท คิงส์ จิวเวอลี่ จำกัด จดทะเบียนปี 2559 ทุน 100 ล้านบาท ขายปลีกเครื่องประดับ

สยายปีกธุรกิจคุมจังหวัดท่องเที่ยวภูเก็ต-ชลบุรี

สำหรับในจังหวัดท่องเที่ยวซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจนั้น ข้อมูลจากกรมธุรกิจการค้ายังระบุอีกว่า นายู้ห่าวยังมีธุรกิจในพื้นที่จ.ภูเก็ต 8 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทโมเดริ์นเจมส์ ภูเก็ต จำกัด จดทะเบียนปี 2554 ทุน 50 ล้าน ขายปลีกเครื่องประดับ

บริษัทคิงส์ เบิร์ดส์ เนสท์ ภูเก็ต จดทะเบียนปี 2554 ทุน 10 ล้าน จำหน่ายรังนกและผลิตภัณฑ์จากรังนก

บริษัทโมเดริ์น ลาเท็กซ์ จำกัด จดทะเบียนปี 2555 ทุน30ล้าน ประกอบกิจการขายที่นอน หมอน กระเป๋าที่ทำจากยางพารา

บริษัทควีนส์ เลเจนด์จำกัด จดทะเบียนปี 2557 ทุน 30 ล้าน กิจการขายของที่ระลึก ร้านขายปลีกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับที่ทำจากเครื่องหนังทุกชนิด

บริษัทรอยัลอินเตอร์เนต จำกัด จดทะเบียนปี 2555 ทุน 2 ล้านให้บริการอินเตอร์เนตแบบใช้สายและไร้สาย

บริษัทเอฟเวอร์ ยูเนียน จดทะเบียนปี 2556 ทุน 20 ล้าน ประกอบกิจการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

บริษัทโรยัล ปาร์ค ภูเก็ตจำกัด จดทะเบียนปี 2559 ทุน 20 ล้านบาท ประกอบกิจการขายยาสมุนไพร บริษัทเดอะซิตี้ เซ็นเตอร์ จำกัด จดทะเบียนปี 2562 ทุน 5 ล้าน ประกอบการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์

และจ.ชลบุรี อีก 4 บริษัท คือ บริษัทเอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด จดทะเบียนปี 2556 ทุน 20 ล้าน กิจการเช่าอสังหาริมทรัพย์ บริษัทเหอเหริน จำกัด จดทะเบียนปี 2559 ทุน 10 ล้าน การบริการด้านร้านอาหาร ภัตตาคาร

บริษัทนิวไหมไทย (ไทยแลนด์ฉ จำกัดจดทะเบียนปี 2560 ทุน 5 ล้าน จำหน่ายผ้าไหม เครื่องนุ่งห่มและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไหมทุกชนิด และบริษัทคิงส์ รังนก(ไทยแลนด์)จำกัด จดทะเบียนปี 2559 ทุน 50 ล้านบาท ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรังนก

ผ่าขุมทรัพย์ 4,000 ล้านบริษัทในเครือตู้ห่าว

การทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆของนายชยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว พบว่าเมื่อปี 2561 ยังมีบริษัทในเครือ 17 แห่งที่ยังเปิดดำเนินการตามปกติ โดยมูลค่าทรัพย์สินรวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบงบดุลการค้าของบริษัทที่มีชื่อนายชยณัฐร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่พบว่า ธุรกิจประเภทให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ร้านขายปลีกเครื่องประดับ และกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงสุด

กล่าวคือ บริษัท กั๊วลี่ กรุ๊ป จำกัด มีชื่อ นายชยณัฐร์ หรือ”ตู้ห่าว“ ถือหุ้น 250,000 หุ้น นายตู้ซีเหวิ๋น 240,000 หุ้นและนางวัทนารีย์ จำนวน 5,000 หุ้น มูลค่า 956,478,495.40 บาท

บริษัทโมเดิร์น เจมส์ ภูเก็ต มีชื่อ นายชยณัฐร์ หรือ”ตู้ห่าว “ถือหุ้น 180,000 หุ้น นางวัทนารีย์ จำนวน 60,000 หุ้น นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล 60,000 หุ้น มูลค่ารวม 516,671,925.19 บาท และบริษัท เหอเหริน มีชื่อ นายชยณัฐร์ หรือ”ตู้ห่าว “ถือหุ้น 99,800 หุ้น นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล 100 หุ้น

และน.ส.สุชาดา มาศมิส 100 หุ้น มูลค่าทรัพย์สิน 182,399,999.20 บาท

นอกจากนี้ยังพบอีกว่านายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว เป็นผู้ก่อตั้งและร่วมถือหุ้นธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในจ.สมุทรปราการอีกหนึ่งแห่งชื่อ บริษัท ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนด์สปา จำกัด จำนวน 200,000 หุ้นช่วงปี 2550-2560 มี นางสาวพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา ถือหุ้นใหญ่ และเป็นกรรมการ โดยในปี 2561 ไม่พบรายชื่อนายตู้ห่าวเป็นผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด

อายัดทรัพย์คดียาเสพติด-ฟอกเงินเคลียร์ชัดได้คืน

ตัวเลขยึดอายัดทรัพย์สินในคดีทุนจีนสีเทากรณีนายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว และพวกหลังกรมสอบ สวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษในคดีฟอกเงินยาเสพติด ล่าสุดอยู่ที่ 4,401 ล้านบาทเศษจำนวนนี้รวมทรัพย์สินที่น.ส.พัชรินท์ และกลุ่มหุยวูถือครองอยู่ด้วย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ป.ป.ส.ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ให้ยึดอายัดทรัพย์สินของนายชัยณัฐร์ หรือนายตู้ห่าวและพวก และพบว่ามีการจำหน่ายจ่ายโอน เปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินจึงมีความผิดอาญาฐานฟอกเงินด้วย และหลังจากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วได้เพิ่มข้อหากระทำความผิดฐานนอมินีด้วย

กรณีนายตู้ห่าวถูกดำเนินคดีฐานสมคบยาเสพติด จึงถือว่าเข้าองค์ประกอบในการฟอกเงิน หากผู้ต้องหาสู้คดี อาญาชนะในส่วนของการอายัดทรัพย์สิน ก็ยังจำเป็นต้องชี้แจงที่มาของทรัพย์ให้ได้ การอายัดจึงจะหมดไป

สำหรับการอายัดทรัพย์สินตามอำนาจของป.ป.ส.และดีเอสไอ ตามกฎหมายไม่ได้มีกรอบระยะเวลากำหนดและเจ้าของทรัพย์สินสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงที่มาของทรัพย์ได้ โดยระหว่างการอายัดเจ้าของทรัพย์ยังสามารถเปิดให้บริการได้จนกว่ากระบวนการอายัดทรัพย์จะเสร็จโดยเป็นไปตามคำสั่งของศาล

แบ่งพื้นที่ไม่ลงตัวแตะตัดขาทุนสีเทา

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า ธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มทุนจีนสีเทา มีการตั้งบริษัทนิติบุคคลเพื่อรองรับการกระทำผิดกฎหมายทั้งการหลีกเลี่ยงภาษี และการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดไม่ได้มีเฉพาะแค่รายของนายชัยณัฐร์ หรือ "ตู้ห่าว" เท่านั้น

แต่ก่อนหน้านี้กลุ่มทุนจีนสีเทาทัวร์ศูนย์เหรียญของเครือข่ายบริษัทโอเอทราน สปอร์ต ซึ่งถูกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ปราบลงราบคาบ เมื่อปี 2559 ด้วยข้อหาอั้งยี่กระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและฟอกเงินได้ถูกกำหราบลง

แม้ในปี 2560 ศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้องโดยชี้ว่า มีหลักฐานไม่เพียงพอและไม่ได้ประกอบธุรกิจให้เกิดความเสียหายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หรือ ประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมจากนักท่องเที่ยว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของนายชัยณัฐร์หรือตู้ห่าว

คู่แข่งทางธุรกิจของนายตู้ห่าวโดนจัดการให้พ้นทาง เพราะการครองความเหนือกว่าในพื้นที่ก็หมดไปจริงๆต้องยอมรับว่า กลุ่มอาชญากรรมที่ทำธุรกิจนอกกฎ หมาย เมื่อเติบโตขึ้นมีการขยายฐานธุรกิจทับเส้นกับธุรกิจของข้าราชการ นักการเมืองที่มีอำนาจ และกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองในท้องถิ่นก็จะใช้กองกำลังส่วนตัวเข้าไปจัดการ เมื่อพบลักษณะการเติบโตผิดปกติวิสัย

แหล่งข้อมูลด้านความมั่นคงระบุว่า การจัดสรรปันส่วนแบ่งพื้นที่หากินในพื้นที่เศรษฐกิจ โดยเฉพาะเขตจังหวัดท่องเที่ยว เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกครั้ง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจทางการเมือง และข้าราชการรับสูงในทุกพื้นที่

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง