"สมศักดิ์" โชว์ผลงานพาลีปราบยา ตั้ง "ชูวิทย์" นั่งที่ปรึกษาฯ

อาชญากรรม
12 ม.ค. 66
15:20
687
Logo Thai PBS
"สมศักดิ์" โชว์ผลงานพาลีปราบยา ตั้ง "ชูวิทย์" นั่งที่ปรึกษาฯ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“สมศักดิ์” ถกชุดพาลีปราบยา ชี้มีผลงานยึดอายัดทรัพย์ชัดเจน ยันตรวจสอบแล้วไม่มีถอย ตั้ง “ชูวิทย์” นั่งที่ปรึกษา ติดตามการทำงาน-ช่วยเป็นหูเป็นตา หวังสังคมหมดครหา สั่งรื้อคดีชบา หลังอัยการแนะเอาผิดคดีพนันออนไลน์ พร้อมตั้งชุดติดตามความคืบหน้าคดีชมพู บ้วนหลี

วันนี้ (12 ม.ค.2566) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด (พาลีปราบยา) โดยมีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯ และคณะพาลีปราบยา เข้าร่วม ที่กระทรวงยุติธรรม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องชุดพาลีปราบยา มีการพูดกันว่าชุดนี้ทำงานไม่จริง เมื่อมีการเข้าตรวจสอบแล้วก็ถอย ไม่มีการอายัดทรัพย์ โดยยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะตนเองผลักดันให้มีชุดพาลีปราบยา เพื่อติดตามดูธุรกรรมทางการเงิน และค้นหาทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เพื่อรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ที่เน้นเรื่องการยึดอายัดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด จึงตั้งชุดนี้มาเพื่อสืบทรัพย์และก็ทำให้ในปีที่ผ่านมา สามารถยึดอายัดได้ถึง 11,003 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ชุดพาลีปราบยาในส่วนของดีเอสไอ ได้รายงานภาพรวมว่า ช่วงที่ผ่านมาได้สอบสวนคดีถึง 7 คดี และเรื่องสืบสวนจำนวน 2 เรื่อง จนสามารถยึดอายัดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 832 ล้านบาท ส่งให้คณะการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อให้ ป.ป.ส.ยึดอายัดสมคบยาเสพติด จำนวน 406 ล้านบาท และปัจจุบันยึดอายัดไว้อีก 1,013 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีคดีตู้ห่าว ร่วมยึดอายัดทรัพย์อีก 3,189 ล้านบาท จึงจะเห็นได้ว่า มีการทำงานแบบบูรณาการอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ จากที่สังคมเกิดข้อครหา รวมถึงไม่กล้าแจ้งเบาะแสยาเสพติด ตนเองจึงแต่งตั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้เป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการชุดนี้ เพื่อให้ช่วยเข้ามาติดตามการทำงานของคณะพาลีปราบยา และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ติวเข้มให้เจ้าหน้าที่ เพื่อทำให้สังคมเกิดความสบายใจได้ว่า มีการทำงานกันอย่างจริงจัง โดยมีนายชูวิทย์เป็นหูเป็นตา ซึ่งจะยิ่งทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและช่วยกันแจ้งเบาะแสยาเสพติดมากขึ้น

หาแนวทางรื้อคดี "เครือข่ายชบา"

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า คดีเครือข่ายชบา หรือที่เกี่ยวข้องกับประธานสโมสรฟุตบอล ตนเองได้รับรายงานว่า อัยการสั่งไม่ฟ้อง จึงให้แนวทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำคดีกลับมาทำใหม่ได้หรือไม่ เพราะอาจมีข้อมูลใหม่ รวมถึงเผื่อมีใครไปรับเงินมาก็จะสามารถตามไปยึดได้ เพื่อทำให้สังคมหมดความสงสัย จึงอยากให้นำมาทำใหม่ ซึ่งตรงกับที่อัยการให้ความเห็นไว้ว่า ให้ดีเอสไอหาความผิดอื่น เพราะในสำนวน ผู้ต้องหาไม่ได้สมคบ แต่รับว่าทำพนันออนไลน์ ทำให้คดีนี้จะเดินต่อไปได้ โดยเรื่องนี้ดีเอสไอรับทราบดำเนินการแล้ว ส่วนการนำคดีมาทำใหม่ ตนเองได้มอบหมายให้หาผู้รับผิดชอบภายในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เพื่อทำเป็นคดีตัวอย่าง คนที่ร้องจะได้รู้ว่า กำลังเรียนรู้กับกฎหมายใหม่ รวมถึงที่มีการกล่าวอ้างว่า มีการเรียกรับสินบน ก็จะมีการประสานไปยังคนร้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วย

นอกจากนี้ ตนเองยังได้สั่งให้ติดตามความคืบหน้าคดีชมพู บ้วนหลี ที่เกิดตั้งแต่ปี 2563 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า จึงสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อทำให้สังคมทราบว่า มีตัวเลขยึดทรัพย์เครือข่ายนี้เท่าใดแล้ว โดยให้เวลาสรุปผลภายใน 1 เดือน

ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียดายที่นายสมศักดิ์มีวาระดำรงตำแหน่งอีกไม่นาน ซึ่งพอตนเองเข้ามาเห็นการทำงานแบบนี้ก็รู้สึกเสียดาย ที่เป็นคนทำงานเอาจริงเอาจังจนคดีมีความคืบหน้า แต่หากรัฐมนตรีสมศักดิ์ไม่อยู่ ก็อยากฝากเจ้าหน้าที่ว่าปัญหาของเรื่องทุนจีนเทาที่ยึดทรัพย์ได้น้อย เป็นเพราะมีการทำงานที่ล่าช้า จนโยกทรัพย์หนีไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก ที่ไม่สามารถยึดเงินสดตู้ห่าวได้เลย รวมถึงทำให้ปัจจุบันตู้ห่าวก็ยังไม่ถูกแจ้งข้อหาฟอกเงิน จะมีเพียงลูกทีมเท่านั้นที่โดน นอกจากนี้การที่กลุ่มจีนเทาได้ประกันตัวพยานในคดีนี้ ก็เริ่มหวั่นไหว เพราะเริ่มมีการวิ่งหาพยาน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องมีการทำงานที่เร็วกว่ากลุ่มจีนเทา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง