ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

4 กอด “ซ่อนมีด” หักหลัง-ชิงเหลี่ยม-เฉือนคม “วังวนการเมืองไทย”

การเมือง
13:59
300
4 กอด “ซ่อนมีด”  หักหลัง-ชิงเหลี่ยม-เฉือนคม “วังวนการเมืองไทย”

กอดลูกผู้ชาย (Men’s hug)หมายถึงวิธีทักทายระหว่างผู้ชาย 2 คน ไม่มีการสบตา แค่ตบไหล่ หรือจับมือ แล้วแยกย้าย ซึ่งอากัปกิริยาไม่ต่างจากการกอดกันของนักการเมือง แต่ “ กอดการเมือง” กลับมีนัยแฝง และความหมายต่างกัน กอดการเมืองหน้าฉาก คือ ความยินดี ปรารถนาดี แต่จะมีใครรู้ว่า “เบื้องหลัง” ของการสวมกอดนั้น ต่างมีการชิงเหลี่ยม เฉือนคม โดยที่ต่างฝ่ายอาจซ่อน “มีด”อยู่คนละด้ามก็ได้

หากยังจำกันได้ ภาพประวัติศาสตร์เมื่อปี 2549 ก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ที่ “เนวิน ชิดชอบ” พุ่งเข้าสวมกอด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยได้ประกาศขอพักราชการ หรือ “เว้นวรรคทางการเมือง” เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2549 ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จะรักษาการตามรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ กอปรกับมีการเดินขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) คุกรุ่นต่อเนื่อง จึงมีความพยายามหาทางลงเพื่อลดแรงปะทะ

โดยทางกลุ่มของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ไปเจรจาขอให้ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกฯ และกุนซือทีมเศรษฐกิจของพรรคไทยรักไทย ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายเกิดปัญหาขัดแย้งภาย ใน ทำให้ “ทักษิณ” ต้องหวนกลับมาอยู่ในตำแหน่งนายก ฯ อีกครั้ง จนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร โดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในที่สุด

สำหรับภาพกอดดังกล่าว เกิดขึ้นขณะที่ “ทักษิณ” เดินลงจากบันไดและมีบรรดานักการเมืองพรรคไทยรักไทยยืนล้อมอยู่ข้าง ๆ  และเนวิน ได้พุ่งเข้าสวมกอด

ภาพนี้ ถือเป็นกอดสุดท้ายระหว่างนายใหญ่ “ทักษิณ” และ “เนวิน” ที่เคยเปรียบประดุจ ”ขุนศึกคู่ใจ” ในช่วงที่ “พรรคเพื่อไทย” กำลังรบกับ “พรรคประชาธิปัตย์” มาอย่างยาวนาน ก่อนจะเกิดวลี “มันจบแล้วครับนาย” ในเวลาต่อมา

กอดถัดมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อปี 2551 ระหว่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ”เนวิน ชิดชอบ” ผู้นำกลุ่มเพื่อนเนวิน ในขณะนั้น โดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ คือ บุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังของการพลิกขั้วทางการเมือง โดย “เนวิน” หอบหิ้วกลุ่มเพื่อน สส. 30 คนมาก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย เพื่อหนุน “อภิสิทธิ์” จนทำให้เกิดความขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยถึงขั้นแตกหัก จน “เนวิน” เคยกล่าวประโยคที่ว่า

“ผมเป็นคน เป็นมนุษย์ไม่ใช่ทาส กี่คนแล้วที่เห็นต่างแล้วแยกไปและถูกไล่ล่า ถูกทำลายล้าง ...ผมเคยตกเป็นเครื่องมือมาแล้ว ผมเป็นแค่หมาล่าเนื้อ วันไหนผมเห็นต่าง วันไหนผมไม่ทำตามใจ ผมก็เป็นได้แค่คนเนรคุณ คนหักหลัง สำหรับท่านนายกทักษิณ” 

การหักมุมเข้าร่วมรัฐบาลกับในครั้งนั้นของกลุ่มเพื่อนเนวินส่งผลให้ “อภิสิทธิ์” ได้เป็นนายกคนที่ 27 ของประเทศไทย

ภาพกอดการเมืองที่ฮือฮาสร้างความสุขให้กองเชียร์ส้ม-แดง ในปี 2566 หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น คือ การกอดกันระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

ถือเป็นอีกภาพฉากกอดประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ “กอดสังหาร” แต่เป็น “กอดหวาน” ด้วยกันทั้งคู่ มีการประกบมือเป็นรูปหัวใจ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า พรรคเพื่อไทย พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปกับก้าวไกล ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ไม่มีดีลลับ ดีลลวง แต่เป็นดีลรัก

ในครั้งนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนต่อการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า ประชาชนมอบหมายให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล 25 ล้านเสียง พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ปฏิเสธไม่ได้ ที่จะทำความฝันความหวังของประชาชนให้เกิดขึ้น มันเป็นการมัดที่แน่นกว่าการมัดอื่น

“ขอให้ความมั่นใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อเป็นรัฐบาลของพี่น้องประชาชน" นพ.ชลน่าน กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2566 และได้กอดคอหัวหน้าพรรคก้าวไกลเพื่อถ่ายภาพร่วมกัน ขณะที่พิธา ได้กล่าวขอบคุณ นพ.ชลน่าน ด้วยเช่นกัน

แต่ในเวลาเพียง 4 เดือนสัมพันธ์แดง -ส้ม ก็ขาดสะบั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเลาะข้ามรั้ว กระโดดข้ามขั้วมาจับมือกับพรรคฝ่ายอนุรักษ์ของ 2 ลุง และฝั่งรัฐบาลเดิมสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคเพื่อไทยรวมเสียงข้างมาก ตั้งรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกคนที่ 30 อยู่ในตำแหน่งเพียง 11 เดือน 23 วัน เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง ต่อมา “แพทองธาร” ก้าวขึ้นมาเป็นนายกคนที่ 31

กอดล่าสุด และอาจจะยังไม่ท้ายสุดของการเมืองปีนี้ คือ ภาพกอดระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ “อนุทิน ชาญวีระกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” เสร็จสิ้น

บรรยากาศก่อนเรียกมากอด ในห้องประชุมขณะที่ “ทักษิณ” ร่ายยาวการแก้ปัญหายาเสพติด ในยุคที่รัฐบาลไทยรักไทยประกาศทำสงครามยาเสพติด เมื่อปี 2546 จนถือว่า ประสบความสำเร็จ จนถึงสถานการณ์ปัญหาในปัจจุบันที่ยาเสพติดกลับมาแพร่ระบาดหนัก และมียาเสพชนิดลูกผสมที่กำลังสร้างปัญหา

หากตั้งใจฟังและจับใจความตั้งแต่ต้นจนจบจะเห็นได้ว่า นอกจากหน่วยงาน ตำรวจ ทหาร มีหน้าที่โดยตรงแล้ว  “มหาดไทย”และ “ศึกษาธิการ” และ “คมนาคม” คือ กระทรวงที่ “ทักษิณ” อยากเห็นการทำงานบูรณาการในการแก้ปัญหาดังกล่าวมากที่สุด

โดยเปรียบเทียบว่า ในยุคที่เขาเป็นนายกฯ “ตำรวจ ฝ่ายปกครอง” ทำงานแบบปาท่องโก๋ จึงทำให้แก้ปัญหายาเสพติดได้ ทำเอาสีหน้าของรองนายกฯ “อนุทิน” ไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้กระทั่งตอนยืนอยู่ก่อนจะถูกดึงมาโอบไหล่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงตอบคำถามนักข่าวในประเด็นการเมืองที่ว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจะกอดคอไปด้วยกันจนจบหรือไม่? ทักษิณ กล่าวก่อนจะใช้มือข้างขวาโอบไหล่ “อนุทิน” ว่า ก็ตอนนี้ยังกอดได้อยู่เนี่ย ทำให้ “อนุทิน” ซึ่งยืนอยู่ทางขวามือยิ้มรับ พร้อมยกมือไหว้

ท่ามกลางการแพร่สะพัดว่า หลังการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 69 สิ้นสุด พรรคเพื่อไทยจะปรับ ครม.และจะเขี่ยทิ้ง “ภูมิใจไทย” โดยเป้าหมายยึด “มหาดไทย” กลับคืน หากไม่ให้ก็จะกดดันให้พรรคสีน้ำเงินลาออกไปเอง และเตรียม “งูเห่า” ที่จัดรอไว้อยู่แล้ว มาเสียบแทน

สะท้อนให้เห็นภาพของ 4 กอด “ซ่อนมีด” ทางการเมือง ในอดีตและปัจจุบันของแต่ละช่วงเวลา แสดงให้เห็นสัจธรรม ในวังวนนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร หากผลประโยชน์อันหอมหวาน ลงตัวด้วยกันทุกฝ่าย

 อ่านข่าว

"ทักษิณ" สยบข่าวหนี โชว์สกิล แก้ยาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ

“อลงกรณ์” ชี้จัดงบขาดดุล ไทยเสี่ยงเผชิญวิกฤต หนี้สาธารณะพุ่ง