ออกมาสยบข่าวลือ ไม่อยู่ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” โดยบ่ายวันนี้ (27 พ.ค. 2568 ) จะขึ้นปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ตามคำเชิญของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (ครส.)
ท่ามกลางข่าว “สนธิ ลิ้มทองกุล”กอด “จตุพร พรหมพันธุ์” สลัดทิ้งเสื้อสี และหันมาจับมือกับโค่นระบอบทักษิณอีกรอบหนึ่ง ขณะที่ศาลปกครองได้ออกมาชี้คดีโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกเรียกให้ชดใช้ คือ 10,028 ล้านบาท
โดยในเอกสาร “ศาล” ย้ำว่า ศาลไม่ได้พิพากษา ให้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องชดใช้ค่าเสียหายแต่หลังจากนี้ จะต้องเป็นหน้าที่ของ กระทรวงการคลัง และ กรมบังคับคดี ที่จะต้องไปติดตามเงินส่วนนี้ จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม ตามที่อำนาจพึ่งมี
แม้ใน 2 ประเด็น ไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องยาเสพติด ที่ “ทักษิณ”จะขึ้นกล่าวบนเวที แต่ลมร้อนทางการเมือง และความเคลื่อนไหวที่เงียบหายไป ในขณะที่ศาลฎีกาแผนกคดี อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะนัดไต่สวนคดีชั้น 14 ของ “ทักษิณ” วันที่ 13 มิ.ย.นี้ ส่งผลให้ถูกจับตามองไม่น้อย
ดังนั้นการปรากฏตัวของ “ทักษิณ” จึงเสมือนให้สัญญาณและสร้างความชื่อมั่นกับบรรดาผู้อยู่ใต้ร่มเงาของรัฐบาลเพื่อไทยว่า ยังสู้ไหว และยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้หายไปไหน และภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” รัฐบาลยังได้ไปต่อ อย่างน้อยก็ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง
เมื่อปี 2546 “ทักษิณ” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งในและต่างประเทศว่า นโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เพราะทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2,400 คน โดยเฉพาะข้อทักท้วงจากยูเอ็น จนทำให้เกิดวลี “ยูเอ็น ไม่ใช่พ่อ” มาแล้ว
แต่ปี 2568 สถานการณ์ยาเสพติดยังไม่เปลี่ยน ทั้งยังกลับมารุนแรงกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีน เคตามีน และยาเสพติดประเภท Happy Water ซึ่งทะลักเข้ามาล้อมรอบชายแดนไทยก่อนจะถูกส่งต่อเข้ามาในเมืองและกระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปราบยาเสพติด (ป.ป.ส.) ชี้แจงว่า การกล่าวปาฐกถาพิเศษของ “ทักษิณ” อดีตนายกฯ เป็นโอกาสอันดีที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐจะได้เรียนรู้แนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากอดีตที่ประเทศไทยเคยประกาศชัยชนะได้สำเร็จในยุคนั้น
“จุดประสงค์ คือ เปิดใจรับฟังองค์ความรู้เพื่อคัดกรองแนวทางที่ดีมาปรับใช้ ไม่ได้เป็นการฟื้นนโยบายสงครามยาเสพติด...เราไม่รู้ว่านิยามคำว่า สงครามยาเสพติด ในยุคนั้นกับยุคนี้ตรงกันหรือไม่ แต่เป้าหมายยังเหมือนเดิม คือให้ชุมชนลุกขึ้นมาต่อสู้กับภัยคุกคามร่วมกัน” เลขาฯป.ป.ส. กล่าว
ดังนั้นการหวนคืนสู่เวทีของ ป.ป.ส. ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนของ “ทักษิณ” จึงถูกจับตามองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่อดีตนายกฯ เคยดำเนินการอย่างเข้มข้นในอดีตว่า รัฐบาลเพื่อไทย “แพทองธาร” จะนำกลับมาใช้อีกหรือไม่
อ่านข่าว : "กล้าธรรม" การันตี เสียงแน่นปึ้ก พร้อมโหวตหนุนร่างงบฯ ปี 69
"พิชัย" รอคุยฝ่ายกฎหมายเรียกค่าชดใช้คดีจำนำข้าวหมื่นล้านจาก "ยิ่งลักษณ์"