ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สกัดโกง-ทุจริต "ฟ้องปิดปาก" เปิดร่าง กม.ป้องคดีเชิงยุทธศาสตร์

อาชญากรรม
18:31
95
สกัดโกง-ทุจริต "ฟ้องปิดปาก" เปิดร่าง กม.ป้องคดีเชิงยุทธศาสตร์

แม้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จะเปิดรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน พ.ศ. …เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ระยะทางยังอยู่อีกยาวไกล ทั้ง ๆ ที่เป็นกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับภาคประชาชน ในการรับมือกับการถูกดำเนิน “คดีเชิงยุทธศาสตร์” หรือการฟ้องปิดปาก ถือเป็นการคุกคามให้หวาดกลัว และทำลายแรงจูงใจในการปกป้องประโยชน์สาธารณะ

"ไทยพีบีเอส ออนไลน์" เปิดร่างกฎหมายฯ และสาระสำคัญของ 2 หมวดคดีอาญาและแพ่ง ประกอบด้วย 13 มาตรา คือ

ร่างมาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน พ.ศ. ….”

ร่างมาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมวด 1 การป้องกันการดำเนินคดีอาญาเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน

ร่างมาตรา 3 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (19) ของมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ (23) ของมาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

“เรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ” หมายความถึงการติดตามตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นส่วนรวม การอนุรักษ์หรือการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม การละเมิดสิทธิของประชาชนในวงกว้าง หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง ที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพหรือความเป็นอยู่ของประชาชน หรือที่ประชาชนเห็นว่ามีความสำคัญ

ร่างมาตรา 4 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (5) ของมาตรา 329 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

“(5) ในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ”

ร่างมาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 330 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้น เป็นความจริง ผู้นั้นไม่มีความผิด แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์ จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน”

ร่างมาตรา 6 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นมาตรา 133 ตรี/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

“มาตรา 133 ตรี/1 เมื่อพนักงานสอบสวนเห็นเองหรือปรากฏตามคำขอของผู้ต้องหาว่า คำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษมีวัตถุประสงค์เพื่อระงับมิให้ผู้ต้องหามีส่วนร่วมในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวและทำความเห็นเพื่อเสนอพนักงานอัยการ และหากมีการควบคุมตัวผู้ต้องหาแล้ว ให้พิจารณาปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักประกัน

การร้องทุกข์หรือการกล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญาในความผิดกรรมเดียวโดยดำเนินการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในหลายท้องที่ หรือการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับมูลคดีหรือภูมิลำเนาของผู้เสียหายหรือของผู้ต้องหา ให้สันนิษฐานว่าเป็นการดำเนินคดีอาญาเพื่อระงับมิให้ผู้ต้องหามีส่วนร่วมในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ”

ร่างมาตรา 7 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นมาตรา 143/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

“มาตรา 143/1 เมื่อพนักงานอัยการเห็นเองหรือปรากฏตามคำขอของผู้ต้องหาว่า คำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษมีวัตถุประสงค์เพื่อระงับมิให้ผู้ต้องหามีส่วนร่วมในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ให้พนักงานอัยการพิจารณาประเด็นดังกล่าวก่อนพิจารณาสั่งคดีอาญา

ในกรณีที่พนักงานอัยการเห็นว่าผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีอาญาอันเนื่องมาจากการที่ผู้ต้องหาใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น หรือใช้สิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐ หรือใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ และผู้ต้องหาได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะให้พนักงานอัยการมีคำสั่งยุติคดี
ในกรณีที่พนักงานอัยการเห็นว่า

(1) พยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อหามีมูลที่จะฟ้องคดี

(2) ผู้ต้องหาไม่มีข้อต่อสู้อื่นใด และ

(3) การดำเนินคดีอาญาจะก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะที่มากกว่าประโยชน์สาธารณะที่เกิดขึ้นจากการสั่งยุติคดีให้กับผู้ต้องหา ให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดีตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

คำสั่งให้ยุติคดีหรือคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปตามอำนาจหน้าที่ตามความในมาตรานี้ หากได้กระทำโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครอง ไม่มีความรับผิดทางแพ่งและทางอาญา”

อ่านข่าว : ดันกฎหมายฟ้องปิดปาก "คนปากโป้ง" ปกป้องประโยชน์สาธารณะ

ร่างมาตรา 8 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นมาตรา 175/3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

“มาตรา 165/3 นับแต่เวลายื่นคำฟ้องไปจนถึงเวลาก่อนการไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยอาจแถลงให้ศาลทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องคดีเพื่อระงับมิให้จำเลยมีส่วนร่วมในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ให้ศาลพิจารณาประเด็นดังกล่าวก่อนไต่สวนมูลฟ้อง กรณีเช่นว่านี้ ศาลอาจเรียกบุคคล เอกสาร หรือวัตถุมาเป็นพยานศาลเพื่อประกอบการวินิจฉัยสั่งคดีได้ตามที่จำเป็นและสมควร โดยโจทก์และจำเลยอาจถามพยานศาลได้เมื่อได้รับอนุญาตจากศาล

เมื่อศาลได้รับคำแถลงขอให้ยุติคดีตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลเริ่มดำเนินการไต่สวนคำแถลงตามวรรคหนึ่ง ภายในสามสิบวันนับจากวันที่ศาลรับคำแถลงของจำเลย หากมีการอุทธรณ์คำสั่งของศาล ให้ศาลเริ่มดำเนินกระบวนพิจารณาอุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับจากวันที่ศาลรับอุทธรณ์และดำเนินการพิจารณาอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

หากศาลเห็นว่าจำเลยถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการที่จำเลยใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น หรือใช้สิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐ หรือใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ และจำเลยได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพดังกล่าวในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ และศาลมีอำนาจสั่งให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ได้ออกไปให้กับจำเลย

ทั้งนี้ หากศาลเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริตหรือเพียงเพื่อยับยั้งหรือขัดขวางการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของจำเลย ศาลอาจสั่งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายตามสมควรให้กับจำเลยได้ โดยศาลอาจคำนึงถึงการกำหนดค่าเสียหายเพื่อป้องกันมิให้โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่

ในกรณีที่ศาลเห็นว่า

(1) คดีของโจทก์มีมูล

(2) จำเลยไม่มีข้อต่อสู้อื่นใด และ

(3) การดำเนินคดีจะก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะที่มากกว่าประโยชน์สาธารณะที่เกิดขึ้นจากการสั่งยุติคดีให้กับจำเลย ให้ศาลดำเนินการตามมาตรา 167”

ป้องกันฟ้องคดีแพ่งเชิงยุทธศาสตร์ฯ ระงับการมีส่วนร่วม

ร่างมาตรา 9 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นวรรค 3 และวรรค 4 ของมาตรา 423 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

“ถ้าผู้กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายตามวรรคหนึ่งมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริงและการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายนั้นในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน

เรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะตามวรรค 3 หมายความถึงการติดตามตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นส่วนรวม การอนุรักษ์หรือการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม การละเมิดสิทธิของประชาชนในวงกว้าง หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง ที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพหรือความเป็นอยู่ของประชาชน หรือที่ประชาชนเห็นว่ามีความสำคัญ”

ร่างมาตรา 10 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (15) ของมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

“เรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ” หมายความถึงการติดตามตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นส่วนรวม การอนุรักษ์หรือการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม การละเมิดสิทธิของประชาชนในวงกว้าง หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง ที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพหรือความเป็นอยู่ของประชาชน หรือที่ประชาชนเห็นว่ามีความสำคัญ

ร่างมาตรา 11 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นมาตรา 24/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

“มาตรา 24/1 เมื่อจำเลยเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีใดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระงับมิให้จำเลยมีส่วนร่วมในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ จำเลยอาจยื่นคำร้องขอให้ยุติคดีได้

คำร้องขอให้ยุติคดีตามวรรคหนึ่งให้ยื่นต่อศาลภายในหกสิบวันนับจากวันที่จำเลยได้รับสำเนาคำฟ้อง โดยจำเลยจะยื่นคำร้องขอให้ยุติคดีพร้อมกับการยื่นคำให้การ หรือจะยื่นคำร้องขอให้ยุติคดีแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้

เมื่อศาลรับคำร้องขอให้ยุติคดีแล้ว ให้ชะลอบรรดากระบวนพิจารณาคดีทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องของโจทก์ และให้ระยะเวลาและอายุความทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องของโจทก์สะดุดหยุดอยู่จนกว่าศาลจะมีคำสั่งในคำร้อง

เมื่อศาลได้รับคำร้องขอให้ยุติคดี ให้ศาลเริ่มดำเนินกระบวนพิจารณาคําร้องตามวรรคหนึ่งภายในสามสิบวันนับจากวันที่ศาลรับคําร้องของจําเลย หากมีการอุทธรณ์คำสั่งของศาล ให้ศาลเริ่มดำเนินกระบวนพิจารณาอุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับจากวันที่ศาลรับอุทธรณ์และดำเนินการพิจารณาอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว”

ร่างมาตรา 12 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นมาตรา 24/2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

“มาตรา 24/2 ในการพิจารณาคำร้องขอให้ยุติคดีตามมาตรา 24/1 หากศาลเห็นว่าจำเลยผู้ยื่นคำร้องได้ถูกโจทก์ฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการที่จำเลยใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียนการพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น หรือใช้สิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐหรือใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ และจำเลยได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพในเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ให้ศาลมีคำสั่งยุติคดี

เมื่อศาลมีคำสั่งยุติคดีแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ได้ออกไปให้กับจำเลย และหากศาลเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริตหรือเพียงเพื่อยับยั้งหรือขัดขวางการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของจำเลยตามวรรคหนึ่ง ศาลอาจสั่งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายตามสมควรให้กับจำเลยได้ โดยศาลอาจคำนึงถึงการกำหนดค่าเสียหายเพื่อป้องกันมิให้โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่”

ร่างมาตรา 13 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็นมาตรา 24/3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

“มาตรา 24/3 ในการพิจารณาคำร้องขอให้ยุติคดีตามมาตรา 24/1 หากศาลเห็นว่า

(1) คดีของโจทก์มีมูลที่จะชนะคดี

(2) จำเลยไม่มีข้อต่อสู้อื่นใด และ

(3) การพิพากษาให้โจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยจะก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะที่มากกว่าประโยชน์สาธารณะที่เกิดขึ้นจากการสั่งยุติคดีให้กับจำเลย ให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไป และเริ่มกระบวนพิจารณาที่ชะลอไว้ และเริ่มนับระยะเวลาและอายุความต่อจากระยะเวลาและอายุความที่สะดุดหยุดอยู่ โดยผลของตามมาตรา 24/1 วรรคสาม

เมื่อศาลมีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไป และศาลเห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้ยุติคดีเพื่อประวิงการพิจารณาคดี ศาลอาจสั่งให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามสมควรให้กับโจทก์

ห้ามมิให้รับฟังข้อเท็จจริงและผลแห่งคำสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไปเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีที่โจทก์ฟ้อง ทั้งนี้ คำสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไปไม่มีผลเปลี่ยนแปลงภาระการพิสูจน์ในคดีที่โจทก์ฟ้อง”

อ่านข่าว :

สอบเส้นเงิน “ทิดแย้ม” ย้อนหลัง โยงเครือข่ายเชื่อมเว็บออนไลน์ ?

อาเซียนกับวิสัยทัศน์ 2045 ประชาคมยืดหยุ่น “ศูนย์กลาง” ประชาชน

4 กอด “ซ่อนมีด” หักหลัง-ชิงเหลี่ยม-เฉือนคม “วังวนการเมืองไทย”