ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิดต้นทางมลพิษ! ขั้นตอนการทำเหมืองทุนจีน ทิ้งสารปนเปื้อนแม่กก-แม่สาย-น้ำโขง

สิ่งแวดล้อม
16:01
268
เปิดต้นทางมลพิษ! ขั้นตอนการทำเหมืองทุนจีน ทิ้งสารปนเปื้อนแม่กก-แม่สาย-น้ำโขง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ไม่มีใครรู้เลยว่าปัจจุบันเหมืองแร่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย มีกระบวนการทำเหมืองและสกัดแร่อย่างไร เพราะพื้นที่อยู่ในเขตกลุ่มอิทธิพลว้า มีความเข้มงวดในการเข้า-ออกพื้นที่ แม้แต่ทางการเมียนมาก็เข้าถึงยากลำบาก ภาพถ่ายต่าง ๆ จากการทำเหมืองจึงแทบไม่หยุดออกมา

ไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ได้พูดคุยกับนักสำรวจแร่ วิศวกรเหมืองแร่ นักวิชาการ พร้อมทั้งได้รับภาพสำคัญในกระบวนการทำเหมืองแร่ บริเวณสาขาต้นแม่น้ำสาย พื้นที่อิทธิพลของกลุ่มว้า เขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา น่าจะทำให้เห็นภาพกระบวนการทำเหมืองที่ “ขั้นการแต่งแร่ และสกัดแร่บริเวณต้นแม่น้ำสาย และแม่น้ำกก” มากขึ้น

การทำเหมืองแร่บริเวณต้นแม่น้ำสายและแม่น้ำกก พื้นที่เขตอิทธิพลว้า รัฐฉานทางตอนใต้ ประเทศเมียนมา ที่คาดว่า เป็นต้นเหตุสารพิษปนเปื้อนในลุ่มน้ำ ใน จ.เชียงราย และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

แม้ปัจจุบันปัญหานี้จะถูกพูดถึงอย่างเข้มข้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดรัฐบาลได้ตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้าที่ จ.เชียงราย และเตรียมจะเจรจาทวิภาคีกับประเทศเมียนมา เพื่อแก้ปัญหาสารพิษปนเปื้อน แม้จะไม่การกำหนดวันเวลาที่แน่ชัด

แต่หลักฐานเดียวที่รัฐบาลไทยมีไปเจรจาตอนนี้คือ แผนที่ภาพถ่ายทางดาวเทียมจากจีสด้า ที่ระบุพิกัดการทำเหมืองแร่กว่า 40 แปลง ขณะเดียวกันมีข้อเสนอจากภาคประชาชน และองค์กรพัฒนาเอกชน เช่น มูลนิธิบูรณนิเวศ ที่เสนอให้มีการรวบรวมข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และการฟื้นฟูด้วย

ขณะเดียวกันกระบวนการเหมืองแร่ หรือสัมปทานเหมือง ยังเป็นสิ่งที่แม้แต่รัฐบาลไทยยังตอบไม่ได้

ผู้สื่อข่าวได้นำภาพถ่ายการทำเหมือง บริเวณบ้านแม่โจ๊ก พื้นที่เขตอิทธิพลว้า รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ให้แหล่งข่าวที่เป็นนักสำรวจแร่ในประเทศเมียนมาดู ยืนยันว่า ภาพถ่ายนี้ (ภาพ 1 ) คือวิธีการแต่งแร่และกระบวนการสกัดแร่ทองคำ ของกลุ่มทุนจากประเทศจีน ที่ทำในลักษณะเดียวกันในเมียนมา และลาว

เหมืองบริเวณ ตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

เหมืองบริเวณ ตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

เหมืองบริเวณ ตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

**ในภาพนี้คือกองสินแร่ที่ขุดมาจากหน้าเหมือง ที่มีระบบสเปรย์เป็นแถวห่างกัน เพื่อหยดสารเคมีบนกองชะละลายแร่ บ่อน้ำที่เห็น 2 บ่อ เป็นบ่อสารละลายที่มีโลหะ เพื่อตกตะกอนที่ไม่ละลาย ก่อนสูบสารละลายส่งไปที่ถังจับทองคำด้วยถ่านกัมมันต์ (activated carbon) และอีกบ่อน่าจะเป็นสารละลาย หลังสกัดทองคำออกไปแล้ว ที่ต้องการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ **

ส่วนถังที่เห็นคือ ถังใส่ถ่านดักจับทองคำ ในถังใส่ “ถ่านกัมมันต์” ที่มีคุณสมบัติพิเศษคือดูดซับโลหะหนักไว้ได้ โลหะทุกอย่างที่ละลายมาจะต้องวิ่งผ่านรวมถึงทองคำ

สิ่งที่สร้างผลกระทบ คือโลหะหนักปนเปื้อนตามแหล่งน้ำ ส่วนมากจะมาจากดินทิ้ง และกากแร่จากการแต่งแร่มากกว่า เพราะในดินที่มีแร่โลหะ จะมีเพื่อนแร่ที่เป็นสารพิษหลายชนิด เช่น สารหนู แคดเมียม ตะกั่ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นหรือไม่ที่การทำเหมืองแร่ ต้องมีอาคารโรงแต่งแร่ แหล่งข่าวระบุว่า จากการทำเหมืองของกลุ่มทุนจีน โดยเฉพาะเหมืองแร่บริเวณต้นแม่น้ำสาย เป็นเหมืองที่สินแร่เกิดอยู่ในดิน และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงไม่มีความจำเป็น ซึ่งจะใช้วิธีขุดตั้งกองแร่และละลายแร่ตรงนั้น

ภาพเหมืองแร่ต้นแม่น้ำสาย ที่พบกองแร่ และบ่อไซยาไนด์ และถังสกัดเอาทอง

ภาพเหมืองแร่ต้นแม่น้ำสาย ที่พบกองแร่ และบ่อไซยาไนด์ และถังสกัดเอาทอง

ภาพเหมืองแร่ต้นแม่น้ำสาย ที่พบกองแร่ และบ่อไซยาไนด์ และถังสกัดเอาทอง

แหล่งข่าวเปิดเผยขั้นตอนการสกัดแร่ เหมืองบริเวณต้นแม่น้ำสาย มีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ กองแร่ บ่อไซยาไนด์ และถังดักจับทองคำ (ดู ภาพ 3.1 ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ) ส่วนอธิบายขั้นตอนการสกัด

คนงานเหมืองแร่จะนำดินที่เปิดหน้าดินใส่รถบรรทุกมา “กองแร่” นำมาเกลี่ยและใช้น้ำจาก “บ่อไซยาไนด์” พรมใส่กองแร่ใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ ก่อนจะนำใส่ “ถังดักตะกอน”

ภาพคล้ายสีดำไม่ใช่สีดำ แต่เป็นการพรมน้ำใส่ในแร่ พรมไปเรื่อย ๆ จนกว่าทองคำจะละลายหมดจึงหยุด และเอาน้ำยาที่ไหลคืนกลับมาใช้ใหม่ หลังผ่านกรองแร่อันแรกออกมาแล้ว จะนำไปวิเคราะห์ความเข้มข้นของทองคำที่เหลือแต่ละกอง ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพการละลายแร่ทองคำ ถ้าทองคำเม็ดใหญ่ก็ใช้เวลานานกว่าทองคำที่เม็ดเล็ก
ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ

ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ

ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ

อธิบายขั้นตอนการสกัด

อธิบายขั้นตอนการสกัด

อธิบายขั้นตอนการสกัด

บริเวณถ่านใช้ดักทองคำ

บริเวณถ่านใช้ดักทองคำ

บริเวณถ่านใช้ดักทองคำ

กระบวนการสกัดทองจะได้ทอง

กระบวนการสกัดทองจะได้ทอง

กระบวนการสกัดทองจะได้ทอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า บ่อใส่ไซยาไนด์ทำไมสีต่างกัน แหล่งข่าวระบุว่า สีจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการใช้งาน “ที่เห็นเป็นสีฟ้า คือขณะกำลังใช้งานสกัดแร่ แต่หลังพักบ่อจะเปลี่ยนเป็นสีสนิม ซึ่งบ่อไซยาไนด์จะมีหลายสีขึ้นอยู่กับปฏิกิริยากับกับแร่อื่น ๆ ด้วย

มองจากภาพถ่ายทางอากาศมุมสูงของบ่อไซยาไนด์ ที่ทำเหมืองทองมีสีที่แตกต่างกันตามการใช้งาน

มองจากภาพถ่ายทางอากาศมุมสูงของบ่อไซยาไนด์ ที่ทำเหมืองทองมีสีที่แตกต่างกันตามการใช้งาน

มองจากภาพถ่ายทางอากาศมุมสูงของบ่อไซยาไนด์ ที่ทำเหมืองทองมีสีที่แตกต่างกันตามการใช้งาน

กองชะละลายแร่ และบ่อไซยาไนด์ เหมืองทองต้นแม่น้ำสาย รัฐฉาน ประเทศเมียนมา

กองชะละลายแร่ และบ่อไซยาไนด์ เหมืองทองต้นแม่น้ำสาย รัฐฉาน ประเทศเมียนมา

กองชะละลายแร่ และบ่อไซยาไนด์ เหมืองทองต้นแม่น้ำสาย รัฐฉาน ประเทศเมียนมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมืองแร่ในต้นน้ำใกล้กันในรัฐฉานใต้ มีการทำเหมืองเหมือนกันหรือไม่แหล่งข่าวกล่าวว่า ในพื้นที่รัฐฉานใต้ มีแหล่งขุดเหมืองทอง 3 จุดใหญ่ คือ บริเวณเมืองสาด (ต้นน้ำสาย-น้ำกก) จุดที่สองบริเวณเหนือเมืองท่าขี้เหล็ก(น้ำรวก) และเหมืองจุดที่สาม คือ เหมืองดอยคำ บริเวณตะวันออกของเมืองท่าขี้เหล็ก ติดกับแม่น้ำโขง (แม่น้ำเลน) ซึ่งการทำเหมืองทอง จะใช้วิธีการสกัดจากไซยาไนด์

แหล่งข่าวระบุต่อว่า การทำเหมืองที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบมากอีกจุด คือ การทำเหมืองบริเวณต้นแม่น้ำกก บริเวณเมืองสาด-เมืองยอน เหมืองบริเวณนี้จะแตกต่างจากเหมืองบริเวณต้นแม่น้ำสาย ที่ทำเหมืองเปิดหน้าดินเป็นบริเวณกว้าง แต่บริเวณต้นแม่น้ำกกจะทำเหมืองแตกต่างกัน คือ “การทำเปิดหน้าเหมืองที่เป็นหิน” และสินแร่ทองคำ เป็นเกรนละเอียดถึงหยาบที่มองเห็นด้วยตาเปล่า หรือใช้แว่นขยายธรรมดา

เหมืองแร่ต้นแม่น้ำกกใช้วิธีการสกัดแร่จากหิน หรือแต่งแร่ใช้วิธีบดลดขนาด แล้วแยกแร่ทองคำออกจากหินโดยอาศัยความต่างน้ำหนัก ผ่าน “เครื่องโต๊ะสั่น” สังเกตการณ์เปิดหน้าเหมืองจะเป็นหน้าตัดแบบขั้นบันได มีอย่างน้อย 2-3 จุดบริเวณต้นแม่น้ำสาย
สังเกตการเปิดหน้าเหมืองแร่เป็นรูปตัด บริเวณต้นแม่น้ำกก

สังเกตการเปิดหน้าเหมืองแร่เป็นรูปตัด บริเวณต้นแม่น้ำกก

สังเกตการเปิดหน้าเหมืองแร่เป็นรูปตัด บริเวณต้นแม่น้ำกก

อาคารหลังคาสีฟ้า แหล่งข่าวระบุว่า เป็นโรงแต่งแร่ สังเกตว่าตัวอาคารจะใหญ่กว่าอาคารอื่น จึงเป็นไปได้ว่า อาคารนี้ใช้เป็นที่ติดตั้งเครื่องจักรบดแร่และแยกแร่

อาคารหลังคาสีฟ้า แหล่งข่าวระบุว่า เป็นโรงแต่งแร่ สังเกตว่าตัวอาคารจะใหญ่กว่าอาคารอื่น จึงเป็นไปได้ว่า อาคารนี้ใช้เป็นที่ติดตั้งเครื่องจักรบดแร่และแยกแร่

อาคารหลังคาสีฟ้า แหล่งข่าวระบุว่า เป็นโรงแต่งแร่ สังเกตว่าตัวอาคารจะใหญ่กว่าอาคารอื่น จึงเป็นไปได้ว่า อาคารนี้ใช้เป็นที่ติดตั้งเครื่องจักรบดแร่และแยกแร่

แหล่งข่าวระบุว่า หินที่ได้มาจะเอามาวางเป็นสต๊อกแร่ และนำมาบดและสกัดในอาคารหลังคาสีฟ้า โดยใช้โต๊ะสั่นแยก ขั้นตอนนี้ไม่ใช้สารเคมี เพราะบดและแยกทองคำด้วยโต๊ะสั่น โดยใช้น้ำเป็นตัวกลางและอาศัยความแตกต่างของน้ำหนัก

ประเด็นคือ ขุดแร่โดยไม่มีระบบจัดการที่ทิ้งดินและเศษหิน ที่เป็นหางแร่จากโรงแต่งแร่ ซึ่งโดยปกติดินที่ไม่มีทองคำหรือมีน้อยก็จะนำไปทิ้ง แต่หางแร่ที่เป็นหินนั้น อาจมีแร่ธาตุอื่นอยู่ด้วย หินที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการแต่งแร่ ปกติก็มีโลหะหนักเกิดปะปนกับแร่ทองคำอยู่แล้ว

ทองคำมีโลหะหนักเป็นเพื่อนแร่ ถ้าขุดแล้วจัดการดินทิ้งหรือหางแร่ให้ดีก็ไม่เกิดปัญหา

แหล่งข่าวยังระบุถึงบ่อสี่เหลี่ยมของเหมืองต้นแม่น้ำกก คือรูปแบบการรับเอาหางแร่ที่ยังเหลือจากโต๊ะสั่น และต้องการพักหางแร่ไว้ เพื่อมาแต่งใหม่ หรือนำน้ำมาใช้หมุนเวียนที่โต๊ะสั่น ซึ่งภาพปัจจุบันคาดว่า บ่อน่าจะก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่โรงงานแบบนี้ไม่ใช้ไซยาไนด์

ส่วนปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก มาจากกระบวนการขุดเปิดหน้าดินและแต่งแร่ ทำให้น้ำมีตะกอนขุ่นข้น ส่วนสีของน้ำกกก็ขุ่นตลอดเวลา เพราะยังมีเรือขุดหาทองในลำน้ำ จนตลิ่งหายไป ซึ่งในภาพถ่ายทางอากาศ สามารถมองเห็นเรือขุดได้ 2-3 ลำ จึงทำให้น้ำขุ่นข้นและตะกอนมลพิษฟุ้งกระจายตลอดทั้งปี

การทำเหมืองแร่ระดับโลกใช้วิธีการนี้ ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีมาตรการฟื้นฟูพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ทั้งในระหว่างทำเหมืองและหลังปิดเหมือง แต่ปัญหาคือ เหมืองในพื้นที่อิทธิพลว้า เช่น ต้นแม่น้ำกก ไม่มีรูปแบบการทำเหมือง และรูปแบบการสกัดที่ได้มาตรฐานสากล ทั้งด้านวิชาการและด้านสิ่งแวดล้อม

ปัญหาเหมืองที่เน้นง่าย และประหยัดต้นทุน แต่ปัญหาใหญ่ คือหลังจากการสกัดแร่ก็จะทิ้งไว้ เพราะการตั้งกองแร่นี้ ทำใกล้จุดที่มีแร่ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง พอไปหาแร่จุดใหม่ก็สร้างใหม่จึงเห็นการเปิดหน้าดิน ที่ทิ้งดิน และกองกากแร่เต็มพื้นที่ไม่มีการจัดการ ไม่มีหน่วยงานรัฐมาควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม ไม่เฉพาะกากแร่ ยังมีบ่อไซยาไนด์ทิ้งไว้แบบนั้นด้วย จะกลายเป็นปัญหาระยาวที่กลุ่มทุนทิ้งไว้

ผศ.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยกับไทยบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ หลังได้ดูภาพและเห็นกระบวนการทำเหมืองแร่บริเวณต้นแม่น้ำสาย และแม่น้ำกก ระบุว่า วิธีการทำเหมืองทองคำต้นน้ำแม่สาย เรียกว่า วิธีไซยาไนด์ (Cyanidation) วิธีนี้เป็นวิธีที่แพร่หลาย เพราะง่าย ต้นทุนต่ำ ได้แร่มาก และใช้ได้กับแหล่งแร่เกรดต่ำ ที่หากใช้วิธีอื่นไม่คุ้ม

วิธีไซยาไนด์ ใช้หลักการการละลายทองคำด้วยสารละลายเจือจางของโซเดียมไซยาไนด์หรือโพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งวิธีนี้ยังมีวิธีย่อยออกไปอีกหลายวิธี แต่วิธีที่ทำที่ต้นน้ำสายคือ การสกัดทองคำแบบกอง (Heap Leaching หรือ HL) ซึ่งวิธีนี้ใช้ในการสกัดทองคำจากแร่ทองคำคุณภาพต่ำหรือแร่ทองคำขนาดเล็กเพื่อประหยัดต้นทุน

กระบวนการสกัดแร่ทองคำด้วยวิธีนี้ แร่จะถูกบดให้เป็นอนุภาคละเอียดก่อน จากนั้นจึงนำมากองรวมกันจนมีขนาดใหญ่ แล้วฉีดพ่นด้วยสารละลายไซยาไนด์ สารละลายไซยาไนด์ก็จะสกัดทองคำออกมา จากนั้นจะนำสารละลายไซยาไนด์ที่มีทองคำไปลงบ่อตกตะกอน และนำไปผ่านกระบวนการดูดซับด้วยคาร์บอนกัมมันต์ เพื่อแยกทองคำออกจากของเหลว

จากภาพจะเห็นได้ว่า มีการนำแร่มากอง ซึ่งน่าจะเป็นดินที่มีแร่หรืออาจมีการบดดินที่มีแร่แล้ว และมีการใช้สารละลายไซยาไนด์พรมเพื่อละลายทองคำออกมา สารละลายมีไซยาไนด์ ปูนขาว และน้ำ จากนั้นนำสารละลายไซยาไนด์ที่มีทองคำมาเก็บไว้ที่บ่อตกตะกอน (settling pond) เพื่อให้ทองคำในสารละลายไซยาไนด์ตกตะกอน

จากนั้นจะมีการสูบสารละลายไซยาไนด์ที่มีตะกอนทองคำจาก settling pond เข้าไปยังถังดักจับทองคำ ถังดักจับทองคำจะมีคาร์บอนกัมมันต์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้แยกทองคำที่ละลายในสารละลายไซยาไนด์

เมื่อคาร์บอนกัมมันต์ในถังดักทองคำได้ทองคำจนอิ่มตัวแล้ว ก็จะนำคาร์บอนไปเผา และนำไปหลอมเพื่อแยกเอาโลหะ

ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ

ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ

ขั้นตอนการสกัดแร่ทองคำ

โลหะที่ได้มีทั้งทองคำและเพื่อนแร่ บางที่อาจเป็นโลหะเงิน บางที่อาจเป็นทองแดง ขึ้นกับองค์ประกอบของโครงสร้างแร่ ส่วนคาร์บอนกัมมันต์ก็จะถูกนำไปฟื้นฟูสภาพด้วยความร้อนและนำกลับไปใช้ในการดักจับทองอีกครั้ง 

สำหรับสารละลายไซยาไนด์ที่มีทองคำ จะไหลผ่านถังดักจับทองคำที่มีหลายถังวางเป็นแถว เมื่อผ่านถังดักจับทองคำและแยกทองคำออกแล้ว ก็จะมีการนำสารละลายไซยาไนด์กลับไปยังบ่อไซยาไนด์เพื่อนำไปใช้พรมกองแร่อีก

อธิบายขั้นตอนการสกัด

อธิบายขั้นตอนการสกัด

อธิบายขั้นตอนการสกัด

ในภาพ จะเห็นว่าไม่มีการป้องกันการปนเปื้อนมลพิษในสิ่งแวดล้อม เราจะเห็นแค่การปูพื้นด้วยแผ่นพลาสติก (สีขาว ชมพู ฟ้า) ที่คาดว่าบางมาก และไม่น่าจะได้มาตรฐาน ดังนั้น ไซยาไนด์ก็น่าจะซึมลงพื้นดินได้ และไหลลงแหล่งน้ำต่อไป

ดร.ไชยณรงค์ กล่าวว่า ในกระบวนการทำเหมืองทองแบบนี้ สารหนูและโลหะหนักก็จะปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และปนเปื้อนในแหล่งน้ำ เมื่อฝนตกลงมา เพราะไม่มีบ่อดักตะกอน อีกทั้งการทำเหมือง ไม่มีการสร้างบ่อกักเก็บกากแร่ หลังจากใช้สารละลายไซยาไนด์ละลายเอาทองคำไปแล้ว

เพราะการจัดการกากแร่มีต้นทุนสูงมาก ทั้งการสร้างบ่อกักเก็บกากแร่ การปูพื้นที่หนาเพื่อป้องกันสารโลหะหนักไหลซึมออกสู่สิ่งแวดล้อม และการนำกากแร่ไปทิ้งในบ่อ

ในการทำเหมืองก็จะจะลดต้นทุนดังกล่าว โดยการสกัดแร่เสร็จแล้ว ก็จะปล่อยกองกากแร่ และบ่อสารละลายไซยาไนด์ทิ้ง แล้วเคลื่อนย้ายไปทำจุดอื่นต่อ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ บริเวณต้นน้ำสายก็จะมีกองกากแร่และบ่อสารละลายไซยาไนด์เต็มไปหมด

ถ้าจะแก้ปัญหามลพิษในน้ำสาย (และอาจรวมถึงน้ำกกหากมีการทำเหมืองแบบนี้ด้วย) นอกจากการควบคุมการทำเหมืองให้ได้มาตรฐานสากล ไม่ปล่อยให้ไซยาไนด์และสารโลหะหนักหลุดสู่สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังต้องจัดการบ่อไซยาไนด์และกองกากแร่ไม่ให้ไซยาไนด์ สารหนู และสารโลหะหนักไหลลงมาปนเปื้อนแหล่งน้ำตอนล่างด้วย ซึ่งคงต้องอาศัยนักวิชาการที่เชี่ยวชาญทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มาช่วยวางระบบเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอ ไม่ใช่ไปสร้างฝายหรือเขื่อนในลำน้ำ เพราะการแก้ปัญหาแบบนั้น เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และอาจจะสูญเปล่าเพราะต้นตอของปัญหานั้นใหญ่มาก

สำหรับผลกระทบทางตอนล่างของลำน้ำ สิ่งที่น่าห่วงจากการทำเหมืองแบบนี้ก็คือ การมีแมงกานีส ไซยาไนด์ สารหนู ตะกั่ว ปรอท ฯลฯ ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ สารโลหะหนักเหล่านี้อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และร่างกายคน หากไม่รีบแก้ปัญหา น้ำแม่สาย น้ำรวก (รวมถึงน้ำกกหากมีการทำเหมืองแบบนี้) อาจจะไม่เหมาะที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์

ที่สำคัญอีกประการคือ ที่ผ่านมาการให้ความสำคัญกับการตรวจสารโลหะหนักในสิ่งแวดล้อมในลำน้ำสายยังไม่เป็นระบบ และยังไม่มีการตรวจการปนเปื้อนสารโลหะหนักในคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงและคนเปราะบาง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขต้องให้ความสำคัญโดยเร่งด่วนที่สุด

การทำเหมืองทองต้นน้ำกก ไม่ใช้สารเคมีแต่กระทบไม่แตกต่างกัน

ส่วนของต้นน้ำกก ถ้าเป็นกระบวนการทำเหมืองตามที่แหล่งข่าวให้ข้อมูล ผศ.ดร.ไชยณรงค์ ระบุว่า เป็นการทำเหมืองทองคำโดยอาศัยความแตกต่างของความถ่วงจำเพาะ (gravity concentration) เนื่องจากทองคำในต้นน้ำกกแทรกอยู่ในหิน แตกต่างจากต้นน้ำสายที่ทองคำอยู่ในดิน การแยกทองคำจะใช้โต๊ะสั่นหรือโต๊ะเขย่า (shaking table) เพื่อแยกเอาทองคำออกมา วิธีนี้มีต้นทุนต่ำเช่นกัน

การทำเหมืองแบบนี้จะมีการระเบิดหิน แล้วนำหินมาบดให้ละเอียด จากนั้นนำหินที่มีแร่ไปใส่ที่โต๊ะสั่นพร้อมกับเติมน้ำ โต๊ะสั่นจะแยกทองคำและแร่ธาตุที่มีค่าต่าง ๆ (concentrated ore) ออกมา ส่วนกากแร่หรือหางแร่ก็นำไปทิ้ง แต่เนื่องจากวิธีนี้ประสิทธิภาพต่ำ

ดังนั้น ในการทำเหมืองแบบนี้ อาจใช้วิธีการเอาหางแร่ไปแยกซ้ำด้วยวิธีอื่นซ้ำ เช่น นำหางแร่ไปผ่านพื้นที่ปูด้วยกระสอบป่านหรือผ้าที่เป็นใย เพื่อเก็บทองเม็ดละเอียดก่อนนำกากแร่ไปทิ้ง หรืออาจแยกทองคำซ้ำด้วยสารละลายไซยาไนด์เหมือนกับที่ทำที่ต้นน้ำแม่สาย

โต๊ะสั่น (Gold shaking table) เพื่อใช้ในแยกเอาทองคำราคาไม่แพง หากผลิตในจีน ราคาเพียง 1,700 เหรียญสหรัฐฯ ก็ซื้อได้แล้ว

การทำเหมืองแบบนี้ แม้บางเหมืองไม่มีการใช้ไซยาไนด์ แต่หากมีการใช้วิธีใช้สารละลายไซยาไนด์ซ้ำ ก็จะมีไซยาไนด์ปนเปื้อนแหล่งน้ำด้วย ดังนั้น จึงพบไซยาไนด์ในลำน้ำกกเช่นเดียวกับน้ำแม่สาย

“ที่สำคัญอีกประการก็คือ การทำเหมืองทองแบบนี้ มีความเสี่ยงสูงมากที่เพื่อนแร่ ซึ่งเป็นสารโลหะหนักที่อันตรายต่อระบบนิเวศและคน จะไหลออกมาปนเปื้อนในแหล่งน้ำ เพราะทองคำในหินจะมีเพื่อนแร่มาก เริ่มตั้งแต่กองสินแร่ที่รอการบดที่ไม่มีการป้องกัน

หากฝนตกก็จะชะเอาสารโลหะหนักลงแหล่งน้ำได้ และหากจัดการกากแร่หรือหางแร่ที่ผ่านการแยกแร่แล้วไม่ดี เช่น ไม่มีการนำไปทิ้งในบ่อกักเก็บกากแร่ที่ได้มาตรฐาน เพื่อนแร่ที่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและคนก็จะไหลลงปนเปื้อนในแหล่งน้ำ”

นอกจากนั้น วิธีการนี้ ใช้น้ำปริมาณมากในการเติมโต๊ะสั่นเพื่อแยกแร่ หากไม่มีการจัดการที่ดี น้ำที่มีสารโลหะหนักก็จะไหลลงแม่น้ำกกได้

สำหรับเพื่อนแร่มีทั้งแมงกานีส สารหนู ตะกั่ว ปรอท ฯลฯ ซึ่งแต่ละตัวอันตรายต่อสุขภาพมาก โดยเฉพาะการก่อมะเร็ง และอาจส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลง DNA ดังเช่น เหมืองทองที่พิจิตร และสารโลหะหนักที่น้ำกกอาจจะเข้มข้นมาก จนสามารถไหลไปได้ถึงร้อยกิโลเมตร จนไปถึงแม่น้ำโขงใต้สบกกลงไป

สถานการณ์ที่น้ำกกแม้มีหลายหน่วยงาน และสถาบันทางวิชาการลงตรวจสารโลหะหนักในสิ่งแวดล้อม แต่ยังไม่มีการตรวจการปนเปื้อนสารโลหะหนักในคน แม้มีข่าวก็เป็นเพียงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) แห่งหนึ่ง ที่แม่อาย ที่เก็บตัวอย่างเลือด แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลว่า ได้ร่วมมือกับหน่วยงานไหนในการตรวจเลือด

รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้โดยเร่งด่วนที่สุด โดยการประสานงานให้ผู้เชี่ยวชาญ และสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ มาตรวจเลือดกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงและคนเปราะบาง เหมือนกับที่เคยทำที่เหมืองทองที่พิจิตร เพื่อที่จะได้มีข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์ หากประชาชนเจ็บป่วยก็จะได้รีบหาทางรักษาโดยเร่งด่วน รวมทั้งจะได้มีข้อมูลที่รอบด้านในการเจรจากับเมียนมา ว้า หรือจีน

ด้าน รศ.พันธุ์ลพ หัตถโกศล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ ระบุว่า การใช้ไซยาไนด์ที่เหมืองแถวน้ำสายและน้ำรวก จะมีการใช้ปูนขาวเพื่อปรับพีเอชให้อยู่ที่ 10-11 เพื่อชะละลายทองคำออกมาให้มากที่สุด แต่โลหะหนักส่วนใหญ่จะยังไม่ถูกละลายออกมาในช่วงนี้ในสภาพด่าง เพราะเป็นเป้าหมายที่เหมืองไม่ต้องการให้มาปนเปื้อนทองคำที่อยากได้

อย่างไรก็ตาม แร่ซัลไฟด์ของโลหะหนักในกากแร่ เมื่อทิ้งไว้สัมผัสน้ำและอากาศ จะถูกออกซิไดซ์ในสภาพกรด และปล่อยโลหะหนักละลายออกมาปนเปื้อนน้ำและดิน กองกากแร่จึงต้องฟื้นฟูด้วยการคลุกกับปูนขาวเพื่อไม่ให้เกิดสภาพกรด หรือมีระบบจัดการน้ำที่จะระบายออกจากกองนำไปบำบัด เช่นคูดักและรวบรวมน้ำเสีย บึงประดิษฐ์ บ่อบำบัดและตกตะกอน และปลูกพืชป้องกันกองกากแร่พังทลาย จะสามารถช่วยป้องกันผลกระทบเบื้องต้นจากการทำเหมืองแร่

หลังจากการชะละลายแร่ สารเคมีที่ใช้ในการสกัดโลหะอาจเหลืออยู่ในกองแร่ เช่น ไซยาไนด์ การฟื้นฟูที่ดีจึงจำเป็นต้องกำจัดสารเคมีเหล่านี้ ออกไปจากกองกากแร่ โดยใช้วิธีใส่น้ำสะอาดอัดลงไปในกองเพื่อไล่ (Flushing) สารเคมีที่ตกค้าง และนำน้ำเสียที่ผ่านกระบวนการไปบำบัด

รายงาน : โกวิท บุญธรรม ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

อ่านข่าว : คพ.เปิดศูนย์เฝ้าระวังแม่น้ำกก-แม่สาย-แม่โขง 4 จุด

เปิดผลตรวจ "แม่น้ำกก" คพ.ยันผลพบ "สารหนู" เกินค่ามาตรฐาน

สว.จี้รัฐบาลจริงใจแก้ "มลพิษแม่กก" เจรจาจีน-ว้า ทำธุรกิจแบบรับผิดชอบ