เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ลงพื้นที่ บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อรับฟังปัญหาและการแก้สารพิษปนเปื้อนแม่น้ำกก
ชาวบ้านตำบลแม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ได้สะท้อนปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก ว่า ปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างมาก คนขับเรือและทำร้านแพเปียกปีนี้แย่ที่สุด แพและเรือแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติและชาวไทยไม่มาเพราะกลัวจะไปสัมผัสกับน้ำกก ขณะที่ในช่วงเทศกาลสงกรานหลายคนลงทุน 1-2 แสนบาท ทำแพเปียก แต่ขายของได้คืนไม่กี่พันบาท
เช่นเดียวกับคนขับเรือในแม่น้ำกก ระบุว่า ตอนนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวไม่รู้จะทำอย่างไรไม่มีนักท่องเที่ยวสิบกว่าวันแล้ว ต้องจอดเรือไว้และไปทำนา ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้แม่น้ำกกไม่พบสารพิษ วันหนึ่งต้องวิ่งอย่างน้อยวันละสองเที่ยว ตอนนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย

นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงการแก้ปัญหาแม่น้ำกก ระหว่างลงพื้นที่รับฟังการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ในการแก้ปัญหารสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก
นางอังคณา กล่าวว่า ตนเคยมาแม่น้ำกกเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นน้ำใส ในฐานะกรรมาธิการฯ ตนให้ความสำคัญเรื่องของการใช้น้ำ และการเปลี่ยนแปลงของน้ำ เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญ เป็นสิ่งหนึ่งที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประชาชนที่เคยใช้อุปโภคและบริโภคน้ำในแม่น้ำกกกลายเป็นว่า ใช้น้ำไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะที่ผ่านมากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน จะมีส่วนร่วมอย่างไรในการแก้ปัญหา ทำอย่างไรรัฐบาลจะรับฟังประชาชน เป็นสิ่งที่กรรมธิการให้ความสำคัญ
วันนี้ตนมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น กลับไปจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ซึ่งจะต้องมีการหารือกับหลายหลายฝ่าย และเสนอเป็นรายงานข้อสังเกต รวมถึงข้อเสนอแนะให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจจะต้องมีการขอพบเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือคณะรัฐมนตรี ที่ดูแลและรับผิดชอบ

การเปลี่ยนแปลงสภาพของน้ำ ส่งผลกระทบอย่างมาก รัฐบาลจะเอาความเป็นส่วนกลางมาตัดสินท้องถิ่นไม่ได้ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะส่วนกลางไม่ได้รับรู้ ไม่ได้มากินมานอนตรงนี้
นางอังคณา ระบุว่า กลุ่มเปราะบาง รัฐจะต้องให้ความสำคัญ อยากให้เรื่องนี้ไปถึงผู้ที่ดูแลรับผิดชอบมีอำนาจในการแก้ปัญหา ที่ผ่านมาชาวบ้านเรียกร้องมาตลอด ทำอย่างไรให้ข้อเสนอเหล่านี้ไปถึงรัฐบาล
ประเทศไทยได้รับในเรื่องหลักของสิทธิมนุษยชน การประกอบธุรกิจใด ๆ ที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชน ถือว่าผู้ละเมิดจะต้องเป็นผู้แก้ปัญหา และประเทศไทยก็มีแผนปฏิบัติการระดับชาติว่า ธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
หนึ่งในข้อสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเรื่องการลงทุนข้ามพรมแดน ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้ไปร่วมลงทุนในบริษัทที่ทำเหมือง แต่รัฐไทยจะต้องหาให้ได้ว่า ใครเป็นคนลงทุนและทำเหมือง และต้องมีการตรวจสอบสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทุกด้าน
รวมถึงการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ และไม่รับผิดชอบต่อพื้นที่ปลายน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ตามหลักสากลบริษัทที่ลงทุนจะต้องรับผิดชอบอยู่แล้วไม่สามารถปฏิเสธได้
ความเห็นส่วนตัวในพื้นที่กองกำลังของว้า ต้องดูว่าใครที่เป็นคู่ประกอบการ นอกจากการลงทุนและใช้เทคโนโลยีของใคร ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญ ถ้าจะหาข้อมูลคิดว่าไม่ยาก ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน เชื่อว่าที่มีข่าวมาตลอด ประเทศจีนน่าจะเป็นผู้ลงทุนเหมือง

ชี้รัฐควรเร่งแก้เหมือนสแกมเมอร์-ยาเสพติด
นางอังคณากล่าวต่อว่า ทุกคนที่มีส่วนได้เสียมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ ตอนนี้กลายเป็นว่าประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง รัฐบาลยังไม่มีท่าทีอะไรเลย ซึ่งได้คุยกับทางท้องถิ่น มีแนวคิดเรื่องการขุดลอกแม่น้ำ แต่แหล่งกำเนิดสารพิษยังไม่หยุดก็จะลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ต้องสนใจว่าสารพิษเหล่านั้นจะมีปริมาณเท่าไหร่ เมื่อก่อนไม่มีพิษทำอย่างไรถึงจะหมดไป ใครที่ควรจะไปคุยกับจีน
อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เหมือนกับรัฐบาลที่บอกกับชาวโลกว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับธุรกิจและสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อเกิดปัญหาจริง ๆ ผลกระทบกับการดำเนินการธุรกิจ โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจด้านพรมแดน ดูเหมือนรัฐบาลจะช้ามาก และแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น การจะสร้างฝายหรือสร้างเขื่อน
กรณีปัญหาแม่น้ำกกและมลพิษข้ามแดน มองว่า ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่หลักการเหมือนกับปัญหาสแกมเมอร์และยาเสพติด ที่เผชิญอยู่ทุกวัน เมื่อปัญหาอยู่ในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน การแก้ปัญหารัฐบาลต้องปลดล็อก การแก้ปัญหาข้ามแดน
เมื่อเป็นปัญหาข้ามแดนรัฐบาลจะมองว่าจะไม่สามารถแก้ไขต้นตอของปัญหาจริงได้ เพราะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
“อังคณา” จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหามลพิษแม่น้ำกก
ประเด็นปัญหาแม่น้ำกกถ้าถามกลับไปที่รัฐบาลเวลานี้ว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ผู้นำของรัฐบาลไทยจะแต่งตั้งใคร หรือคณะทำงานชุดใด ระบบราชการของไทยต้องมีเจ้าภาพ เมื่อไม่มีเจ้าภาพ หรือคณะทำงานอย่างจริงจัง เป็นไปได้ยาก แต่เมื่อมีเจ้าภาพก็มีปัญหา การทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ก็เป็นไปได้ยาก
ในพื้นที่ชายแดนมีการทำงานเชิงบูรณาการหลายหน่วยงาน ปัญหาภัยคุกคามในประเทศประเทศไทยบริเวณชายแดน เป็นปัญหาใหม่ ปัญหามลพิษเป็นปัญหาไม่กี่ปีมานี้ ไม่เคยเจอแม่น้ำใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ เกิดมลพิษในระดับที่ชาวบ้านไม่สามารถอุปโภคบริโภคได้
สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำในเวลานี้คือปลดล็อกว่า เป็นปัญหาภัยความมั่นคงในระดับห้าดาวแล้ว ปัญหามลพิษข้ามแดนไม่ใช่ปัญหาที่กระทบเพียงแค่หนึ่งหมู่บ้านหรือสองหมู่บ้าน แต่กระทบคนในระดับเป็นล้านคน
รัฐบาลต้องคุยกับว้า-จีน เพื่อร่วมแก้ปัญหา
ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า ปัญหามลพิษข้ามแดนที่มีทุนจีนเข้ามา คาดการณ์ได้ว่าปัญหาจะมีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าไม่มีการแก้ปัญหาหรือความพยายามเจรจาเพื่อยุติปัญหาเหมืองในพื้นที่ต้นทาง หากรัฐบาลจะปล่อยให้ปัญหานี้รอต่อไปไม่ได้

ดร.ลลิตา กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางแก้ปัญหาว่า อันดับแรกรัฐบาลต้องปลดล็อกแสดงความจริงใจให้กับสังคมเห็น และต้องไม่ปฏิเสธปัญหาลุ่มน้ำกกว่า เป็นปัญหาภัยความมั่นคงขั้นสูงสุด ซึ่งกระทบกับชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างร้ายแรง
นี่ไม่ต่างจากภาวะสงครามชายแดน มีประชาชนเสี่ยงเป็นมะเร็ง และได้รับผลกระทบนับล้านคน จริงอยู่ว่ายังไม่มีคนตาย หรือผิวหนังไหม้อย่างเห็นได้ชัด แต่เป็นปัญหาในระยะยาว 5 ปี 10 ปีพื้นที่ตรงนี้อาจจะคนป่วยทั้งหมู่บ้านก็ได้
รัฐบาลต้องจริงจังไม่ใช่พูดไปวัน ๆ
รัฐบาลต้องเล็งเห็นปัญหานี้ว่า มีความสลับซับซ้อนและเป็นปัญหาที่จำเป็นจะต้องคิดอย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดไปวันๆ ดื่มน้ำประปาให้เห็นว่า น้ำสะอาดน้ำดี ปลอดภัย ต้องเริ่มจากการยอมรับก่อนว่า ปัญหาเกิดขึ้นจริง และยอมรับให้ประชาชนเห็นว่า เมื่อมีปัญหาจริง รัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหา
ประเด็นที่สอง ปัญหาที่เกี่ยวกับว้าแดง รัฐบาลต้องยอมรับและปลดล็อกว่า จะต้องไปพูดคุย กับว้าอย่างจริงจัง ยืนยันว่า รัฐบาลกลางเมียนมาไม่สามารถดำเนินการในพื้นที่ของว้าได้ เพราะมีความเกรงใจกันอยู่ ว้าเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งที่สุดและร่ำรวยที่สุด ในประเทศเมียนมาปัจจุบันนี้แล้ว
เราอาจส่งสัญญาณไปที่รัฐบาลกลางเมียนมา เพื่อขอคุยกับว้า เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของไทย
ดร.ลลิตา กล่าวว่า แม้เมียนมาเป็นเจ้าของประเทศ แต่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ของว้าได้ และว้าก็เป็นผู้ให้สัมปทานกับคนหรือบริษัทจากจีนซึ่งไม่มีการควบคุมด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม

ส่วนกลไกท้องถิ่นของไทย เช่น TBC, RBC เป็นกรอบด้านความมั่นคงต่าง ๆ ที่คุยกับทางการเมียนมา คือการคุยกับรัฐบาลส่วนกลาง ประเทศไทยไม่เคยมีกรอบใด ๆ ที่ให้สามารถพูดคุยกับกลุ่มชาติพันธุ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแก้ปัญหาสารพิษแม่น้ำกก ต้องสร้างกรอบหรือกลไกที่ทำให้มีการพูดคุยกับว้าเกิดขึ้นได้จริง ๆ
ส่วนการพูดคุยกับจีนต้องเลิกมองจีนว่า เป็นพี่ใหญ่ก่อน ต้องมองว่าจีนคือคนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพื่อควบคุมนักธุรกิจของตัวเอง ให้ทำธุรกิจที่มีธรรมาภิบาล และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ปัญหาแม่กกกระทบชาวบ้านวงกว้าง
ดร.เสถียร ฉันทะ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า จากที่ได้ฟังผลกระทบเกิดขึ้นแล้วสองด้าน ต่อวิถีชีวิตสังคม และเศรษฐกิจของชาวบ้าน ที่มีการปนเปื้อนไม่ใช่เฉพาะแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำสายและแม่น้ำโขง ผลกระทบเกิดขึ้นแล้วกับการหาปลาหรือชาวบ้านเริ่มขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ
ในฐานะที่เป็นกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ สิ่งเป็นห่วงมากสุดคือ ผลกระทบด้านสุขภาพ โดยเฉพาะสารโลหะหนัก ไม่ได้เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน เพราะปริมาณความเข้มข้นของการปนเปื้อนยังไม่ได้สูงมาก ทำให้คนที่สัมผัสที่จะได้รับผลกระทบทางสุขภาพ หรือว่าเจ็บป่วยส่วนบุคคลขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น เพศ อายุ ภูมิต้านทานของแต่ละคน
แต่ในระยะยาว ผลกระทบอาจเรื้อรัง สารเหล่านี้เป็นสารก่อมะเร็ง ตัวอย่างมีให้เห็นเกิดขึ้นคนที่ได้รับสารเรื้อรังป่วยเป็นมะเร็ง และป่วยด้วยอาการต่าง ๆ ตามมา
สิ่งที่อยากจะสะท้อนไปถึงมาตรการ ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการในการแก้ปัญหา และฐานะประชาชนคนหนึ่งมองว่า มาตรการต่าง ๆ การทำงานสองระดับในระดับจังหวัด ชื่นชมข้าราชการประจำที่พยายามทำเต็มที่ แต่ประเด็นอำนาจขอบเขตการบริหารจัดการ ทำได้เฉพาะพื้นที่ ทำได้เพียงเก็บตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์และแจ้งผล เชิงระบบยังไม่เกิดเกิดขึ้น

มาตรการแก้ปัญหาของนายกรัฐมนตรีไม่ชัดเจน
ส่วนการทำงานในเรื่องการจัดการมลพิษข้ามแดนยังไม่มีความชัดเจน ไม่มีเจตนารมณ์จะแก้ปัญหาที่ชัดเจน หลักการแก้ปัญหามลพิษในสากล มีอยู่สามหลักด้วยกันคือ การจัดการที่แหล่งกำเนิด เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ สองการจัดการระหว่างทาง เช่น แม่น้ำคือทางผ่านจะต้องมีการเฝ้าระวังและฟื้นฟู สามจัดการทางผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน
วันนี้ยังเห็นภาพของกระบวนการทำงานภาคประชาชนอย่างชัดเจน แต่รัฐบาล ตอนนี้สองเดือนกว่าแล้ว ไม่มีมาตรการออกมาอย่างชัดเจน จะต้องดำเนินการอย่างไร สิ่งที่อยากเห็นคือเจตนารมณ์ในการแก้ปัญหาของรัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำอย่างนายกรัฐมนตรี
ประกาศออกมาล่าสุดว่า น้ำดีขึ้นแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร เมื่อผลตรวจสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน จาก สคพ.1 ตรวจทุกจุดก็เจอรวมถึงแม่น้ำโขงด้วย
อ่านข่าว : คพ.สรุปผลตรวจ "น้ำกก-น้ำสาย-น้ำโขง" บางจุดพบสารหนูมีค่าสูง
ส่งปลาแม่น้ำกกตรวจหาสารพิษปนเปื้อน ห่วงช่วงวางไข่กระทบพันธุ์ปลา