คู่สงครามการค้า "สหรัฐอเมริกา-จีน" ที่กำลังชักธงรบกันในช่วงเวลานี้ ส่งผลกระทบทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ภูมิภาคอาเซียน และ "ไทย" ก็จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากไทย 36% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ขณะที่ 4 เดือนแรกของปี 2568 ไทยเผชิญกับการขาดดุลการค้าให้กับจีน ประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ไปแล้วถึง 6.6 แสนล้านบาท
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายการลงทุนจากประเทศจีนที่ออกมาสู่ประเทศในภูมิภาคนี้ ไทยถือเป็นเป้าหมายและเป็นประเทศคู่ค้าหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจสำคัญ ที่จีนเชื่อถือและไว้วางใจ ดังนั้นจึงต้องรักษาสมดุลตรงนี้ให้ดี
"ยอมรับว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านในโลกโซเชียลและสื่อทั่วไป มักกล่าวถึงจีนในแง่ลบมาก แต่ในทุกประเทศต้องยอมรับว่ามีทั้งคนดีและคนไม่ดี จีนก็เป็นประเทศที่มีประชากรอันดับ 2 ของโลก จำนวน 1.4 พันล้านคน รองจากอินเดีย คนดีมีเยอะ คนไม่ดี ก็มี เช่นเดียวกับไทย แต่สัดส่วนเขาสูงกว่าเท่านั้น หากนับตามจำนวนคน"

ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า การย้ายฐานการผลิต การลงทุน จากจีนมาไทย ก็ไม่ใช่หมายความว่า ดีทั้งหมด ต้องมีการวางแผนการมองการทำธุรกิจในระยะยาว แต่พวกที่ออกมาลงทุนข้างนอกก็มีพวกไม่ดี มุ่งหวังผลกำไรระยะสั้น ๆ ประเภทตีหัวเข้าบ้าน จริง ๆ ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดจากจีนอย่างเดียว แต่ก็มีปัญหาที่ไทยด้วยเพราะการตบมือต้องเกิดขึ้นจากทั้ง 2 ข้าง หากไทยมีความเข้มงวดเพียงพอ ไม่ต้อนรับอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เขาก็จะไม่กล้าเข้ามาและต้องย้ายไปที่อื่น
"แต่เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่าย มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม และเคมีตรงกันทั้งผู้ให้และผู้รับ เลยกลายเป็นสูตรลงตัว ไทยจึงเป็นสวรรค์ทั้งของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นจีนขาว จีนเทา ชาวต่างชาติ ด้วยจึงทำให้มีความเปราะบาง เรื่องนี้ภาคเอกชนไม่ได้ตำหนิคนที่เข้ามา แต่มีคำถามว่า ฝั่งเราทำไม จึงเปิดประตูรับหมดเลย ไม่มีการคัดกรอง ทั้งๆที่ทุกประเทศควรจะมีระบบการคัดกรองที่ดีได้"
นายเกรียงไกร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งสำคัญที่เราห่วงมาก คือ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่แนบแน่นมาตลอด หากไม่มีพูดคุยกัน ไม่ปรับความเข้าใจให้ดี บางทีเวลาโกรธ เขาก็จะโกรธมากกว่าคนอื่น เพราะมีมูลค่าสูงมากกว่าเรื่องใดๆ เพราะการติดต่อสัมพันธ์ทั้ง การค้า การลงทุนหรือใดๆ ก็ตาม ล้วนเกิดจากความไว้วางใจกัน

เรื่องการค้าการลงทุน ในปี 2567 แม้ไทยเรายังคงขาดดุลการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการขาดดุลสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท ส่วนไทยนำเข้าจากจีนเพิ่ม 25% ซึ่งสัดส่วนการขาดดุลดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ แต่จีนก็เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของเรา
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขาดดุล คือ เรานำเข้าสินค้าจากจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าไทยไปจีนยังไม่สามารถชดเชยการนำเข้าได้มากพอ ซึ่งช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 การค้าไทย-จีนมีมูลค่ารวม 1.49 ล้านล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18% แต่ไทยก็ยังเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าจีน 6.61 แสนล้านบาท

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การส่งออกของไทยไปยังจีนยังขยายตัวก็จริง แต่การนำเข้าสินค้าต่างๆ จากจีนก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า จึงเกิดการขาดดุล การค้าที่เพิ่มขึ้น และตรงนี้จะเป็นปัญหาเดียวกับภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งภาคเอกชนได้เตรียมกำหนดกรอบเจรจา Framework หรือหัวข้อเพื่อเจรจากับสหรัฐฯ ไว้5 หัวข้อ อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
โดยประเด็นสำคัญ คือ ข้อที่ 4. ไทยจะต้องไม่เป็นประเทศทางผ่านของประ เทศที่สาม ที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศที่สามตามความหมายนี้คือ จีน เหมือนกันประเทศอื่น ๆ เช่น เวียดนาม เราจะทำได้หรือไม่ ถือเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ที่ต้องทำร่วมกัน

การใช้ไทยเป็นทางผ่านหมายถึงสินค้าจากจีน มาใช้บริษัทของจีนที่ตั้งบ้านเรา แล้วเปลี่ยนแค่ฉลาก ทำให้เห็นความย้อนแย้งกัน ในเรื่องการส่งออกของไทยไปสู่สหรัฐฯ ว่า เติบโตขึ้นตลอด ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากจีนก็เพิ่มขึ้น และสินค้าภาคการผลิต โรงงาน PMI หรือดัชนีการผลิตของไทยกลับลดลง ไม่โต แต่กลับส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสหรัฐฯ ก็มองเห็นชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตจีนจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์ มาผลิตในประเทศไทยร่วมหุ้นกัน และให้คนไทยมีสัดส่วนที่เป็นบริษัทคนไทยและส่งออกไปก็จะดีกว่า และไทยก็จะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าว
เก็บตกช่วงหนึ่งในโครงการเสวนา 50 ปีแห่งความสำเร็จทางการทูต : รากฐานแห่งเสถียรภาพในภูมิภาค จัดโดย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธรณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ร่วมกับศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ( TCSC) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2568
อ่านข่าว : "สหรัฐฯ" ยกระดับไทย ประเทศปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว เทียบเท่า "ญี่ปุ่น"
กกล.บูรพา ห้ามคนไทยข้ามไปทำงานกาสิโนในปอยเปต เริ่ม 17 มิ.ย.
อัปเดต "เรือเมียนมา" เกยตื้นเกาะสุรินทร์ เร่งย้าย-ฟื้นฟูปะการัง