ทั้งยอมรับว่า “ครูใหญ่” นายเนวิน ชิดชอบ ก็อยู่ในรายชื่อที่ได้รับหมายเรียกด้วย รวมทั้งกรรมการบริหารพรรค และแกนนำรุ่นใหม่อีกหลายคนของพรรค แต่อยู่ในขั้นตอนถูกกล่าวหา ยังมีเวลาพิสูจน์ความจริง จึงถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
แต่มีนัย หมายเรียกล็อต 7 ประมาณ 20 คนนี้ เป็นระดับ “ตัวพ่อ” หรือ “ตัวตึง” ของพรรคค่ายสีน้ำเงินเกือบทั้งสิ้น และหากปลายทางเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา จะมีผลสำคัญต่อพรรคภูมิใจไทย และการเมืองโดยภาพใหญ่อย่างเลี่ยงไม่พ้น
ทั้งยังมีคำร้องให้ยุบพรรคภูมิใจไทย จากทั้ง น.ส.กุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง และนายณฐพร โตประยูร คาอยู่ที่ กกต.
แม้ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค จะตั้งข้อสังเกต หนังสือแจ้งข้อกล่าวหามีข้อความทุกตัวอักษรเหมือนกันทั้งหมด แต่ไม่มีรายละเอียด หรือระบุพฤติการณ์ รวมถึงวันเวลาที่ทำผิด ต่างไปจากการแจ้งข้อกล่าวหาครั้งก่อน ๆ ที่ กกต.เคยทำ จะระบุถึงพฤติการณ์ประกอบข้อกล่าวหาอย่างชัดเจน แต่อาจเป็นได้ว่า เมื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จะได้รับการแจกแจงรายละเอียดดังกล่าวเอง
ทั้งมีประเด็นน่าสนใจ คือการฟันธงของนายอนุทิน หัวหน้าพรรค ที่ระบุชัดในการตอบคำถามสื่อเรื่องถูกออกหมายเรียกชุดใหญ่นี้ว่า เป็นเรื่องการเมือง
แถมยังพูดชัดเจนว่า หมายเรียกที่ออกมาในห้วงเวลาที่จะถูกยึดคืนกระทรวงมหาดไทย สามารถมองได้ว่า เกี่ยวข้องกันหมด แถมมีวรรคทอง ...“แต่มาจากใครหรือมายังไง คนในวงการก็รู้กันอยู่แล้ว แต่เราพูดไม่ได้” สะท้อนนัยสำคัญว่า มีที่มาและบุคคลที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้แน่ ๆ เพียงแต่ตนเองพูดไม่ได้ แต่พร้อมจะไปชี้แจง พิสูจน์ความจริง มั่นใจไม่ได้ทำอะไรเสียหายอย่างที่โดนกล่าวหา
เป็นเหตุให้มีเสียงวิพากษ์ในอีกด้านหนึ่งว่า พยายามโยนเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง ทั้งที่เป็นเรื่องการดำเนินการเพื่อตรวจสอบความจริงจากคดีฮั้วเลือก สว.ที่เกิดขึ้น และเป็นปมคำถามค้างคาใจผู้คน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพิสูจน์และหาข้อเท็จจริงตามกระบวนการ
เพราะหากไปถามความเห็นของกลุ่ม สว.ที่นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผบ.ตร. ที่เป็นแกนนำยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังองค์กรต่าง ๆ ทั้ง กกต. ป.ป.ช. และดีเอสไอ จะได้คำอธิบายในอีกด้านหนึ่งว่า เพราะมีการกระทำที่ทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ มีเจตนาฮั้วเลือก สว. เพื่อให้ได้มาซึ่ง สว.ตามที่ต้องการ
อย่างไรก็ดี การถูกหมายเรียกล็อต 7 ที่เป็นระดับแกนนำสำคัญในพรรคภูมิใจไทย เกิดขึ้นในช่วงที่พรรคถูกทวงถาม เพื่อยึดเก้าอี้กระทรวงมหาดไทยพอดี
จึงกลายเป็นเรื่องที่สอดแทรกเข้ามาเป็นประเด็นร้อน ตีคู่ไปกับเรื่องเตรียมการปรับ ครม.ของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บิดาของ น.ส.แพทองธาร เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้
ท่ามกลางความเชื่อของผู้คนว่า คำพูดหรือการแสดงวิสัยทัศน์หลายครั้งหลายเรื่อง ที่ผ่านมาของนายทักษิณ มักจะกลายเป็นแนวทาง หรือนโยบายของรัฐบาลในเวลาต่อมาเสมอ
ประกอบกับพรรคภูมิใจไทย เพิ่งโชว์พลังดูด สส.กลุ่มมะขามหวาน ของนายสันติ พร้อมพัฒน์ บ้านใหญ่ จ.เพชรบูรณ์ มาหมาดๆ ตามด้วยการโชว์ศักยภาพ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ฐานไข่แดงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย
และปรากฏภาพ 2 สส.ของพรรคไทยสร้างไทย จ.อุดรฯ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ และนายหรั่ง ธุระพล ร่วมคณะด้วย พร้อมกระแสข่าวสะพัด เตรียมร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะกลายเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า อย่างปฏิเสธไม่ได้
ไม่ต่างจากในอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ 2 พรรคใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน จะเป็นคู่แข่งสำคัญในการเลือกตั้ง ด้วยยุทธศาสตร์ “บ้านใหญ่นำ” ไม่ต่างกัน นอกเหนือจากพรรคประชาชน
หนำซ้ำล่าสุด มีข่าวนายกฯ น.ส.แพทองธาร แจ้งขอคืนกระทรวงมหาดไทย จากนายอนุทิน หลังเชิญตัวไปหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้านานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อวันเมื่อวันจันทร์ (16 มิ.ย.) แต่ถูกบอกปัดจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แม้จะเสนอกระทรวงพาณิชย์แถมให้แบบ 2 แลก 1
เท่ากับสัญญาณความขัดแย้งลึกๆ ระหว่าง 2 พรรค ที่คุโชนมาก่อนหน้านี้แล้ว ยิ่งจะทวีความเข้มข้นขึ้น
คดีฮั้วเลือก สว.จึงอาจถูกมองว่า เป็นหนึ่งในสงครามตัวแทนระหว่าง 2 พรรคนี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "ภูมิใจไทย" ขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว.เป็น 30 มิ.ย.นี้
ผบช.ภ.1 เผยเงิน 12 ล้านเป็นของ "ทวีวัฒน์" เร่งสอบที่มา-เส้นทางเงิน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: