ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Google Maps ไร้สถานะในศาล! เหตุใดใช้พิสูจน์ "พรมแดน" ไม่ได้

สังคม
14:12
216
Google Maps ไร้สถานะในศาล! เหตุใดใช้พิสูจน์ "พรมแดน" ไม่ได้
อ่านให้ฟัง
07:02อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
Google Maps เครื่องมือแผนที่ยอดนิยม แม้เป็นตัวช่วยชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ แต่กลับไม่มีอำนาจทางกฎหมาย สำหรับการใช้งานอย่างเป็นทางการ! เจาะลึกเหตุผล พร้อมกรณีตัวอย่างที่ข้อมูลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในคดีความ

จากประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น กรณีปรากฏในแอปพลิเคชัน Google Maps ว่ามีการย้ายหมุดและแนวเส้นสมมติฐานเขตแดนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จากฝั่งประเทศไทยไปอยู่ยังฝั่งกัมพูชา ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ประชาชนว่าจะเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อนำไปอ้างอิงฟ้องศาลโลกหรือไม่

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมายืนยันว่า การกำหนดสถานที่และเส้นเขตแดนในแอปพลิเคชัน Google Earth และ Google Maps ไม่มีผลทางกฎหมายใด ๆ ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เนื่องจากบริษัทใช้ข้อมูลจากภาคเอกชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ในการเดินทาง ซึ่งในหลายจุดอาจพบความคลาดเคลื่อนจากสถานที่จริง โดยเฉพาะเส้นสมมติเขตแดน

Google Maps หนึ่งในเครื่องมือแผนที่ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก แม้จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในการนำทางและค้นหาข้อมูลในชีวิตประจำวัน แต่กลับไม่มีอำนาจทางกฎหมายสำหรับการใช้งานอย่างเป็นทางการ เช่น การพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือการวางแผนที่ดิน ทว่าข้อมูลและภาพจากบริการนี้ก็เคยถูกนำมาใช้และได้รับการยอมรับเป็นหลักฐานในคดีทางกฎหมายบางกรณี

ทำไม ? Google Maps จึงไม่มีอำนาจทางกฎหมาย

แหล่งที่มาและความถูกต้อGoogle Maps ได้รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายดาวเทียม Street View ผู้ให้บริการข้อมูลบุคคลที่สาม และเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น แม้ว่าข้อมูลจะมีการอัปเดตบ่อยครั้ง และมีความแม่นยำสูงสำหรับการนำทางและการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ก็อาจไม่สอดคล้องกับบันทึกทางการเสมอไป โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือในพื้นที่ชนบทและห่างไกล

ในขณะที่ แผนที่ของรัฐบาลมักสร้างขึ้นจากข้อมูลที่รวบรวมโดยหน่วยงานของรัฐ เช่น การสำรวจทางธรณีวิทยา ภาพถ่ายดาวเทียม และแหล่งข้อมูลทางการอื่น ๆ ทำให้มีความแม่นยำสูงสำหรับรายละเอียดทางกฎหมาย ที่ดิน และภูมิประเทศ จึงเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับการใช้งานอย่างเป็นทางการ นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ข้อมูลของ Google Maps ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้โดยตรง

วัตถุประสงค์และการใช้ Google Maps ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานของผู้บริโภคทั่วไป โดยเน้นที่การนำทาง รายชื่อธุรกิจ สภาพการจราจร และจุดที่น่าสนใจ ในขณะที่แผนที่ของรัฐบาลมักใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการ เช่น การวางผังเมือง การบริหารที่ดิน การเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม และเอกสารทางกฎหมาย

อำนาจทางกฎหมาย แผนที่ของรัฐบาล มีอำนาจทางกฎหมายอย่างชัดเจน และถูกนำไปใช้ในบริบทที่เป็นทางการต่าง ๆ เช่น เมื่อเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สิน จะอ้างอิงจากแผนที่ที่ออกโดยหน่วยงานราชการ ไม่ใช่แผนที่เชิงพาณิชย์ใด ๆ ในทางตรงกันข้าม Google Maps ไม่มีอำนาจทางกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่ควรนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย การพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน หรือการวางแผนที่ต้องการรายละเอียด และความถูกต้องแม่นยำทางกฎหมายสูง

คำเตือนในข้อกำหนดการให้บริการ ข้อกำหนดการให้บริการเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้งาน Google Maps ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า

เมื่อคุณใช้ข้อมูลแผนที่ของ Google Maps ข้อมูลการจราจร เส้นทาง และเนื้อหาอื่น ๆ คุณอาจพบว่าสภาพจริงแตกต่างจากผลลัพธ์และเนื้อหาบนแผนที่ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณของคุณเองและใช้ Google Maps ด้วยความเสี่ยงของคุณเอง

กรณีตัวอย่างความขัดแย้งเรื่องพรมแดนระหว่างประเทศ

หลายครั้ง Google Maps มักตกอยู่ในความขัดแย้งเรื่องพรมแดนระหว่างประเทศต่าง ๆ เนื่องจากเป็นบริการแผนที่ยอดนิยม โดยปกติแล้ว Google จะต้องระบุพื้นที่พิพาทให้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือระบุว่าเป็นพื้นที่ที่มีข้อพิพาท ซึ่งมักจะสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ Google Maps เข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทเรื่องพรมแดน เช่น "ไครเมีย" รัสเซียและยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง Google ได้ใช้กลยุทธ์แสดงผลที่แตกต่างกันไปตามตำแหน่งของผู้ใช้ ผู้ใช้ Google Maps ในยูเครนจะเห็นไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน ขณะที่ผู้ใช้ในรัสเซียจะเห็นไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ส่วนผู้ใช้จากประเทศอื่น ๆ จะเห็นว่าภูมิภาคนี้เป็นพื้นที่พิพาท โฆษกของ Google ชี้แจงว่าบริษัทใช้กฎระเบียบท้องถิ่นในการกำหนดพรมแดน

Google Maps เป็นหลักฐานทางกฎหมาย

แม้จะไม่มีอำนาจทางกฎหมายโดยตรง แต่ข้อมูลจาก Google Maps ก็สามารถเป็น "หลักฐานประกอบ" ในบางคดีความได้ ตัวอย่างเช่น การไขคดีฆาตกรรมปริศนาในสเปน ที่ Google Street View ได้บันทึกภาพสำคัญที่แสดงให้เห็นบุคคลหนึ่งกำลังนำศพที่อยู่ในถุงสีขาวใส่ท้ายรถโรเวอร์สีแดง ภาพดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายคดีฆาตกรรมของชายที่หายตัวไปและพบศพในสภาพถูกตัดเป็นชิ้น ๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม Google Maps เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และข้อมูลบางอย่างอาจถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนในกระบวนการยุติธรรมได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้มีสถานะหรืออำนาจทางกฎหมายเทียบเท่ากับแผนที่หรือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการโดยตรง ซึ่งเป็นข้อควรระวังสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูลแผนที่เพื่อวัตถุประสงค์ที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย

 แหล่งที่มา:  Manifold Data Mining Inc , Google , Listverse , BCC

เรียบเรียง : ศศิมาภรณ์ สุขประสิทธิ์ นักศึกษาฝึกงาน โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อ่านข่าวเพิ่ม :

แม่ชี-สามเณรี-ภิกษุณี รู้จักเส้นทางธรรม "สตรี" ในพุทธศาสนา

จ่อทิ้งร้าง! “ท่าเรือ-พิพิธภัณฑ์ 007” จ.พังงา จังหวัดของบฯ สร้าง โบ้ยให้ท้องถิ่นดูแล