วันนี้ (3 ก.ค.2568) บรรยากาศการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่อง "สายใยรักสองแผ่นดิน" ฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งจัดโดย มูลนิธิปัญญาวุฒิ และ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน เป็นไปอย่างอบอุ่น
นายกำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน กล่าวถึงภาพยนตร์ "สายใยรักสองแผ่นดิน" รอบปฐมทัศน์ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแขกผู้มีเกียรติชั้นผู้ใหญ่ในสังคม สื่อมวลชน และนักแสดงนำชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้เกียรติของตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ที่มาร่วมงานในครั้งนี้อย่างสมเกียรติ

กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน
กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน
ภาพยนตร์ "สายใยรักสองแผ่นดิน" ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่เห็นคุณค่าของงาน ซึ่งผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งคำบรรยายภาษาจีนกลาง ภาษาอังกฤษ ไม่เพียงจะเผยแพร่ให้คนไทยได้รับชมอย่างทั่วถึง แต่จะนำออกเผยแพร่ให้พี่น้องชาวจีนในประเทศจีนและสิงคโปร์ได้รับชมอีกด้วย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศให้สอดคล้องกับชื่อของภาพยนตร์ และตอกย้ำวรรคทองไทยจีนไม่ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน ให้แนบแน่นมั่นคงตลอดไป
ด้าน นายศักดิ์ชัย พฤฒิภัค เลขานุการมูลนิธิปัญญาวุฒิ กล่าวว่า ภาพยนตร์สายใยรักสองแผ่นดิน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 50 ปีสายใยมิตรภาพไทย–จีน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมีนายปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นผู้กำกับการแสดง มีนายวันเฉลิม วัฒนวรกิจกุล เป็นผู้เขียนบท ภาพยนตร์ มีนายชิษณุพงศ์ สกุลนันทิพัฒน์ หรือ เอส เป็นพระเอก และ น.ส.วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ หรือ มุก เป็นนางเอก
“ภาพยนตร์สายใยรักสองแผ่นดิน ได้รับการสนับสนุนจาก ศ.ดร.ฤๅเดช เกิดวิชัย นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และคณาจารย์ ที่กรุณาเอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำ อีกทั้งยังได้รับความกรุณาจาก ศ.ดร.ซุน เหลย ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ช่วยตั้งชื่อภาษาจีนแก่ภาพยนตร์ ช่วยพิจารณาความถูกต้องของการใช้ภาษาจีน และยังร่วมแสดงในภาพยนตร์อีกด้วย”

นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์สายใยรักสองแผ่นดิน กล่าวว่าการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ และเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่ต้องเล่าเรื่องจริงอิงข้อมูลจริง ผ่านตัวละครสมมุติ ซึ่งท่านอาจารย์ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีคณะดุริยางคศิลป์มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นผู้ประพันธ์เพลงและดนตรีประกอบภาพยนตร์ ปรุงดนตรีออกมาได้อย่างซาบซึ้งอย่างยิ่งมีส่วนช่วยให้ภาพยนตร์มีความสมบูรณ์ครบทุกมิติ
ในการทำหนังเรื่องนี้ ซึ่งจัดเป็นหนังรักโรแมนติก บนฐานข้อมูลสื่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่จริง ย้อนเหตุการณ์กลับไปถึง 50 ปี ทำให้ต้องใช้เทคนิคพิเศษหลายอย่างช่วย เพื่อทำให้หนังออกมาดีที่สุด สมจริงที่สุด และประทับใจที่สุด

หลี่ จี๋ เจวียน ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
หลี่ จี๋ เจวียน ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
ด้าน นาง หลี่ จี๋ เจวียน ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวภายหลังการชมภาพยนตร์ ว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมงานดังกล่าว พร้อมทั้งชื่นชมผลงานภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดความประทับใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากอาหารไทยและทัศนียภาพที่สวยงาม ซึ่งสร้างความรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยได้เป็นอย่างดี
สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์ สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างตัวละครชายหญิงจากต่างแดน ที่ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคในการทำตามความฝัน จนกระทั่งกลับมาพบกันอีกครั้งในอีก 50 ปีต่อมา เปรียบเสมือนความสัมพันธ์ของไทยและจีนที่มีพัฒนาการอย่างมั่นคง และต่างฝ่ายต่างร่วมยินดีกับความก้าวหน้าของกันและกัน
ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ยังเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต้องอาศัยความเอาใจใส่ เกื้อกูล และเรียนรู้ร่วมกัน เปรียบเหมือนพี่น้องที่แท้จริง พร้อมระบุว่า คำกล่าวที่ว่า "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจะยังคงเดินหน้าต่อไป ด้วยความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและความก้าวหน้าในทุกด้าน
ทั้งนี้ ไม่กี่วันที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังได้จัดงานเลี้ยงฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี โดยมีสื่อมวลชนไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ทั้งนี้ที่ปรึกษาสถานทูตจีนฯ ได้กล่าวอวยพรให้มิตรภาพระหว่างจีน-ไทย จงรุ่งเรืองและยั่งยืนตลอดไป

ชิษณุพงศ์ สกุลนันทิพัฒน์ - วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์
ชิษณุพงศ์ สกุลนันทิพัฒน์ - วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์
นายชิษณุพงศ์ สกุลนันท์ทิพัฒน์ หรือ เอส นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ เปิดเผยความรู้สึกหลังรับบทนำในภาพยนตร์ สายใยรักสองแผ่นดิน" ว่าตอนแรกที่ได้รับบทต้องแสดงเป็นคนจีนที่พูดไทยไม่ชัด ทำให้รู้สึกกดดันพอสมควร เนื่องจากเป็นบทบาทที่ตรงข้ามกับตัวตนจริงของตนเองอย่างสิ้นเชิง จึงต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง และเมื่อได้ชมภาพยนตร์แล้ว เจ้าตัวก็รู้สึกภาคภูมิใจกับผลงานที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่
พร้อมแสดงความหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนจะยังคงแน่นแฟ้น และสามารถร่วมมือด้านธุรกิจและแลกเปลี่ยนกันได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ 50 ปี แต่ให้อยู่คู่กันไปตลอด

วิชัย วิทยฐานกรณ์
วิชัย วิทยฐานกรณ์
นายวิชัย วิทยฐานกรณ์ อดีตประธานคณะอนุกรรมการความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-จีนตอนใต้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คลังสมองเพื่อชีวิต เปิดเผยถึงทัศนคติ และมุมมองหลังได้ชมภาพยนตร์สารคดีรอบปฐมทัศน์ โดยยอมรับอ่อนไหวได้ดูเรื่องนี้ทั้งจากภาพ และบทสรุปที่มาลี นางเอกของเรื่องได้พูดตอนท้ายว่าต้องลองถูกลองผิด
ไทยกับจีนในอดีตแตกต่างกันด้วยบริบททางสังคมคือคอมมิวนิสต์และโลกเสรีแต่หลังจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย และ โจว เอิน ไหล นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงนามร่วมกันใน "แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาชนจีน" ณ ทำเนียบจงหนานไห่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี เติ้ง เสี่ยว ผิง รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในขณะนั้น และบุคคลสำคัญของทั้งสองฝ่าย ร่วมเป็นสักสักขีพยานเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2518 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดบรรยากาศความเชื่อมโยงของสองประเทศ ทำให้โลกของไทยเปิดกว้างขึ้น และสิ่งสำคัญก็คือไทยและจีนได้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ในบทภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดออกมาได้ดี ที่เรียกว่าช่วยเหลือกันอย่างจริงใจไม่ได้แอบแฝงอย่างอื่น เช่นฉากที่นางเอกให้อาหารที่เหลือๆ กับพระเอกที่หิว กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และจังหวะที่เข้ามาในชีวิตที่ได้เรียนรู้โดยความเอื้อเฟื้อของเชฟใหญ่ที่ให้คำแนะนำในการทำอาหาร
ภาพยนตร์ถือได้ว่าเขียนบทได้ดีมาก ขมวดบทสรุปได้ดี ตอนท้ายจบด้วยการแชร์อาหารที่เหลือๆ ร่วมกัน ซึ่งหมายถึงตะเกียบทั้งสองคู่ที่มีคุณค่ามากเป็นความรู้สึกที่เข้าถึงกันจริงๆ
นายวิชัย ยังระบุว่า ในโลกที่ไร้พรมแดนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยและจีนจะมีความเกื้อกูลซึ่งกันและกันกันมากยิ่งขึ้น
อ่านข่าว :
"จีน-ไทย พี่น้องกัน" 50 ปี มิตรภาพสู่ "แบบอย่าง" ความร่วมมือ
ส่งต่อ "รอยยิ้ม" เด็กจุฬาฯ คิดค้น "ถุงมือช่วยน้องพิการทางสมอง"