วันนี้ (11 ก.ค.2568) ทีมข่าวไทยพีบีเอส เข้าสำรวจบรรยากาศภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หลังตำรวจพบหลักฐาน ยืนยันว่า พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. ถึงขั้นปาราชิก โดยบรรยากาศภายในวัด ยังคงมีพุทธศาสนิกชนเข้าวัด ไหว้พระ และทำบุญตามปกติ
พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล และทราบมาว่าพระผู้ช่วยได้ออกจากวัดไป 6-7 วันแล้ว แต่ที่ผ่านมาในช่วงที่อยู่วัด ก็ทำหน้าที่สอนหนังสือ สอนภาษาบาลี
ขณะที่สำนักงานพระรพุทธศาสนาแห่งชาติ ยืนยันว่า ได้รับแจ้งการลาสิกขาของพระผู้ช่วยรูปดังกล่าวแล้ว
ขณะเดียวกัน ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติชอบ หรือ ปปป. ยังขยายผลพระสงฆ์ที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก.อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสืบสวนเส้นทางการเงินระหว่างสีกา ก. กับพระสงฆ์ หากพบว่าเป็นการใช้เงินของวัดก็อาจจะเข้าข่ายยักยอก
ด้านนายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา ยอมรับว่า แม้ที่ผ่านมาพระสงฆ์จะต้องมีระเบียบข้อบังคับ หรือประกาศคำสั่งจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งศีล 227 ข้อ เพื่อควบคุมความประพฤติปฏิบัติ
แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างเคร่งครัด และจากเหตุการณ์นี้ จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมทั้งพระและฆราวาส หากกระทำผิด เช่น เสพเมถุน จะมีโทษจำคุก 1-7 ปี ปรับ 20,000-40,000 บาท เพื่อป้องกันและปราบปราม ไม่ให้ฆราวาสใช้กลวิธีในการแสวงหาประโยชน์จากพระสงฆ์ และเพื่อไม่ให้ศาสนาเสื่อมเสีย
ขณะนี้เตรียมนำร่างปรับแก้กฎหมาย เสนอต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐตรี เพื่อพิจารณาบังคับใช้
อ่านข่าว : เสื่อมศรัทธา - แต่ไม่ผิดกฎหมาย? เสียงเรียกร้องให้มีกฎหมายเอาผิดพระพลาดวินัย