เข้ามารับเผือกร้อน มาตรการกำแพงภาษีทรัมป์ 36 % ขณะที่เวียด นามและอินโดนีเซีย เจรจาคีบหน้าจนได้ลดภาษี ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ “จตุพร บุรุษพัฒน์” รมว.พาณิชย์ป้ายแดง ระบุว่า การต่อรองกับสหรัฐ ฯ แม้ไทยเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ต้องมีจุดยืน หาก YOU ARE OK , I AM OK เพราะการ Win- Win ทั้งคู่ คงไม่มีหวัง และหากเป็นไปได้ก็อยากได้ลดภาษี 19 % ในระนาบเดียวกับเวียดนาม
“ไทยพีบีเอสออนไลน์” สัมภาษณ์พิเศษ นายจตุพร ถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาลที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะปัญหาปากท้องชาวบ้านทั่วประเทศ ที่ต้องเจอกับปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยเคมี กลับมีราคาสูงสวนทางสภาพความเป็นจริง
“เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมลงใต้ไปดูปัญหาราคามังคุด ราคาตก แล้วก็ไปอีสาน และภาคตะวันออก เพื่อไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร แรก ๆราคามันต่ำจริง กิโลกรัมละ 3 บาท แต่ตอนนี้มังคุดราคาขึ้นแล้ว จริง ๆ สินค้าการเกษตรของเรา หากบริหารจัดการดี ๆ เช่น มีการคัดเกรด ทำเป็นพรีเมียม ก็จะทำให้เพิ่มมูลค่าได้” รมว.พาณิชย์ กล่าว

แม้จะเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม( ทส.) เปลี่ยนสถานะแบบฉับพลันเป็นนักการเมืองนั่งคุมปัญหาปากท้องชาวบ้าน แต่ “นายจตุพร” มองว่า ไม่ต่างกัน และองค์ความรู้ของแต่ละส่วนงานที่เคยทำมาปรับใช้ได้ เนื่องจากภารกิจกระทรวงทรัพย์ฯเป็นงานด้านการผลิต ผลิตทรัพยากรเพื่อเลี้ยงดูทั้งคนและสัตว์ซึ่งถือว่าเป็นต้นน้ำ ส่วนกระทรวงพาณิชย์ คือ ปลายทางแก้ไขปัญหาราคาสินค้า และควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ
ชี้การเมืองดี-ไม่ดี ขึ้นกับข้าราชการประจำ
รมว.พาณิชย์ บอกว่า งานของฝ่ายการเมืองต้องอาศัยข้าราชการเป็นผู้ขับเคลื่อน และข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เก่งและมีความสามารถทุกคน ตนได้ให้นโยบายการทำงานว่า อย่ามองแค่ตลาด ต้องมองทั้งโลกและขอให้สบายใจได้
“ผมเป็นข้าราชการประจำมาก่อนเข้าใจระบบ ระเบียบ ทุกอย่าง ไม่ต้องมาอธิบายซ้ำ ทราบว่า การทำงาน มีจุดอ่อน จุดแข็ง ตรงไหน ส่วนตัวก็เชื่อว่า การเมืองจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นกับข้าราชการประจำ ผมจะใช้ประสบการณ์ที่เคยทำงานในหลายหน่วยงาน มาใช้ต่อยอดการทำงานในกระทรวงพาณิชย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูดสุด”
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งกรมการค้าภายใน เข้าไปตรวจสอบ ต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ที่แพง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย โดยส่วนนี้จะทำต้นทุนการผลิตลดลง โดยเฉพาะราคาปุ๋ย ซึ่งได้มอบหมายให้ไปดูโครงสร้างราคาว่าจะต้องจัดการในส่วนไหนได้บ้าง เพื่อให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูก โดยจะทำให้ได้เร็วที่สุด
ย้ำ “ภาษีทรัมป์” โอกาสดี ทำคนไทยตื่นตัว
รมว.ป้ายแดง กล่าวถึง กรณีการเจรจาเพื่อขอลดภาษีทรัมป์ว่า เป็นโอกาสที่ดีสำหรับไทยให้กลับมาตื่นตัวกลับมาดูตัวเอง ว่า ประเทศไทยจะผลิตสินค้าออกมาให้สู้กับคู่แข่งได้ สังเกตว่า สินค้าของไทย ยังขายได้ในตลาดโลกแม้จะมีปัจจัยภายนอกมากระทบ เช่น ข้าวหอมมะลิ ยังขายได้ เพราะข้าวหอมมะลิไทยมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ไม่ต้องห่วงเรื่องตลาด ต่างจากข้าวชนิดอื่น ๆ ที่สู้คู่แข่งไม่ได้ เช่น อินเดีย ว่าเกิดปัญหาอะไร ดังนั้นจึงต้องกลับมาปฏิรูประบบการผลิตของไทย
รวมทั้งการหาตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ ก็ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ ไปสำรวจความต้องการสินค้าของแต่ละประเทศ ซึ่งเชื่อว่า ต่างประเทศให้ความสนใจสินค้าของไทยอย่างแน่นอน ตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหรือKPI รวมทั้งให้สำรวจความต้องการของประชาชนว่าต้องการอะไรจากกระทรวงพาณิชย์

“อาจเรียกได้ว่า เป็นการรื้อโครงสร้างต้นทุนการผลิตใหม่ทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะสินค้าบางอย่างมีราคาแพงสวนทางกลับต้นทุน อย่างปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลง ที่เมื่อดูต้นทุนการผลิตแล้ว ไม่ได้สูงมาก ... ผมฟังเสียงสะท้อนของประชาชนและเกษตรกรที่อยากให้ราคาสินค้าและต้นทุนการผลิตที่ลดลง และคงต้องเร่งดำเนินการให้เร็ว”
ตั้งเป้า 10 นโยบายเร่งด่วน พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ นายจตุพร บอกว่ายังมีนโยบายเร่งด่วน 10 เรื่องที่ต้องทำ คือ การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับทุกภาคส่วนประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยกระดับการเจรจาการค้ากับสหรัฐ การขับเคลื่อนการส่งออกและขยายตลาดใหม่ เร่งรัดการเจรจา FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว อาทิ ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ไทย-เกาหลีใต้ และปรับปรุง FTA ฉบับเดิม ให้มีความทันสมัยและสอดรับกับประเด็นการค้าใหม่ เช่น สิ่งแวดล้อมและการค้าโลกยุคใหม่ ส่งเสริม SME ให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล สร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร โดยนำร่องการทำ Sandbox ในพื้นที่เป้าหมาย และผลักดันการวางแผนการผลิตที่แม่นยำ

การแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ด้วยการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้สูงเกินจริง การปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายและนอมินีอย่างจริงจัง รวมถึงการป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์และการค้าขายที่ไม่เป็นธรรม ส่งเสริมการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ ปฏิรูประบบบริการภาครัฐให้ทันสมัย
ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ตรวจสอบกระบวนการให้บริการทุกขั้นตอน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และยกเครื่องกฎหมายด้านการพาณิชย์ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมการค้าสมัยใหม่ โปร่งใส และเอื้อต่อการแข่งขัน
มั่นใจ “ส่งออกไทย” ยังขยายตัวโต 1-2%
สำหรับการส่งออกของไทย รมว.พาณิชย์ บอกว่า จากการพูดคุยกับสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)แล้ว เห็นว่า การส่งออกครึ่งปีหลังของไทยคงไม่ดีเท่าปีครึ่งปีแรก ที่เร่งส่งออกหนีภาษีทรัมป์
ดังนั้นการส่งออกทั้งปีคงไม่ได้ตัวลข 2 หลัก แต่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเดิมคือ ขยายตัว 1-2 % แต่คงไม่ติดลบ โดยเราต้องยอมรับความจริงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
โดยการส่งออกในเดือนพ.ค.มีมูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,025,477 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ในอัตรา 18.4% นับเป็น อัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน ตั้งแต่มี.ค.2565 และถือเป็นมูลค่าการส่งออกรายเดือน สูงสุดในประวัติศาสตร์ หากไม่รวมกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกขยายตัวสูงถึง20.3%
สะท้อนถึงภาวะการค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการชะลอการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ และความต้องการสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และแผงวงจรไฟฟ้า เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่สินค้าเกษตร โดยเฉพาะ มันสำปะหลัง ทุเรียน มังคุด และเงาะ ก็กลับมาฟื้นตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สำหรับภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกไทยขยายตัว14.9% (หากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะขยายตัวที่ 13.9%)
โดยสินค้าเด่นและตลาดสำคัญที่ขยายตัวสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวถึง 22.9% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 นำโดย คอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์ และอัญมณี (ไม่รวมทองคำ) และสินค้าเกษตร กลับมาขยายตัว 6.8% หลังชะลอตัวหลายเดือน โดยเฉพาะผลไม้สด มันสำปะหลัง และมะม่วง โดยตลาดส่งออกสำคัญที่เติบโตดี ได้แก่ สหรัฐฯ +35.1% (โตต่อเนื่อง 20 เดือน) จีน +28.0% ตะวันออกกลาง +22.8% เอเชียใต้ +22.3% แอฟริกา +21.4% สหภาพยุโรป +16.6% และอาเซียน +8.8%
ส่วนการเจรจาภาษีทรัมป์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ทุกประเทศในอาเซียนแต่ละประเทศก็วิ่งเข้าเจรจากับสหรัฐ ซึ่งเห็นว่า อาเซียนควรรวมกลุ่มเข้าไปเจรจากับสหรัฐน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะอาเซียนถือว่าเป็นภูมิภาคใหญ่ ในส่วนของไทยที่ส่งข้อเสนอไปก็เปิดให้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเข้ามามากพอสมควร
บางสินค้าไทยก็ไม่เปิดให้ ซึ่งไทยต้องมี “จุดยืน” ที่ยึดผลประ โยชน์และผลกระทบต่อเกษตรกรในบ้านด้วย ดังนั้นการเจรจาไม่ใช่ “win win” แต่การเจรจาต้องเป็น แบบตกลงกันได้ แม้สหรัฐมองเราเป็นแค่ “เบี้ย แต่เราต้องมีศักดิ์ศรี
ส่วนการแบ่งงานที่ถูกมองว่า รัฐมนตรีว่าการกระมอบหมายกรมหลัก ให้ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ รับผิดชอบ เช่น กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมเจรจาการค้าต่าง ประเทศ จตุพร ชี้แจงว่า การรับผิดชอบเป็นเพียงงานในระบบ ได้สอบถามรมช.ทั้ง 2 คนแล้วว่า ต้องการทำงานในกรมไหนก็มอบหมายให้ แต่สุดท้ายรัฐมนตรีว่าการฯก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ถือเป็นมิติใหม่ ซึ่งทุกคนก็ร่วมกันทำงานในเชิงรุก
“โอกาสใหม่” พรรคการเมืองทางเลือกของประชาชน
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงอนาคตทางการเมือง ว่า หากมียุบสภาและนำไปสู่การเลือกตั้ง ทุกพรรคมีความพร้อม รวมทั้งพรรคโอกาสใหม่ด้วย
"ผมกับพี่กลาง (สารัชถ์ รัตนาวะดีประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF) เป็นเพื่อนกันมานานสมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเขาเรียนอยู่คณวิศวกรรมศาสตร์ ผมเรียนคณะรัฐศาสตร์ เล่นกีฬาด้วยกัน พูดคุยกันตลอด
ใจจริงอยากเห็นการเมืองเข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด ขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว การเมืองก็เปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา พรรคโอกาสใหม่ก็พร้อม โดยต้องผสมผสานกับนักการเมืองรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เพื่อให้เดินไปด้วยกันได้ ส่วนจะได้ส.ส.กี่คนก็ให้ประชาชนเป็นคนเลือก

ถามว่าพรรคโอกาสใหม่มีอะไรดี ที่จะให้ประชาชนเลือก นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้คนไทยต้องการโอกาส และทางเลือกใหม่ๆ ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ดังนั้นประชาชนต้องมีโอกาสเลือกใหม่ๆ สามารถเข้าถึงสิ่งที่ต้องการ เปิดกว้าง ที่สำคัญจะต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพรรคอนุรักษ์นิยม เศรษฐกิจใหม่ มีความทันสมัย ทันต่อความเปลี่ยนแปลง เป็นโอกาสทางเลือกใหม่ให้ประชาชน
“จากการที่สัมผัสนักการเมืองมาหลายยุคหลายสมัยจึงคุ้นเคยธรรมชาติของนักการเมือง จนเกิดความคิดว่า เราเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย หากเป็นอธิบดีก็ดี และเมื่อเป็นแล้วก็คิดว่าเป็นปลัดก็ดี และหากมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีก็ยิ่งดี เพราะการก้าวเข้ามาเป็นนักการเมืองมีเป้าหมายอยากให้งานถึงประชาชน
ส่วนตัวก็ชอบเมื่อมีคนมาชวนให้เข้าสู่ถนนการเมืองผมก็รับ ซึ่งตำแหน่งรัฐ มนตรีก็แค่หัวโขน ก็ต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ยืดติดตำแหน่ง ผมทำงานเต็มที่และดีที่สุด ผมยึดสโลแกน 5 จ. คือ จริงจังจริงใจ จตุพร “ว่าที่หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ ปิดท้าย
ต้องติดตามว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะอยู่จนเทอม หรือจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ และ “จตุพร บุรุษพัฒน์” รัฐมนตรีมือใหม่ จะต้องพิสูจน์ผลงานให้ได้ว่า ไม่ได้เป็นแค่เพียงผู้เข้ามาขัดตาทัพ ในช่วงคาบลูกของรัฐบาลชุดนี้
ที่สำคัญ “กระทรวงพาณิชย์” หนึ่งในทีมเจรจานโยบายภาษีทรัมป์ จะสามารถทำงานได้เข้าเป้าตามความหวังของประชาชนหรือไม่
อ่านข่าว:
ลุ้น "ภาษีสหรัฐฯ" ขีดเส้นตายไทย สัญญาณมรณะ "วงการค้าโลก"
ปรับยุทธศาสตร์ค้าจีน-ไทย รับแรงกระแทก "ภาษีตอบโต้" สหรัฐฯ
หวั่นกระทบส่งออกครึ่งปีหลัง บิ๊กเอกชนห่วงเจรจาภาษีสหรัฐฯล่าช้า