ในยามที่สงครามคร่าชีวิตและสร้างความโกลาหล "โรงพยาบาล" คือแสงสว่างแห่งความหวัง เป็นสนามรบของแพทย์และพยาบาลต่อสู้ เพื่อรักษาชีวิตโดยไม่สนใจว่าผู้ป่วยจะเป็นทหาร พลเรือน ฝ่ายใด หรือ เชื้อชาติใด ก็ตาม
เหตุที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงถูกกำหนดให้ต้องได้รับการยกเว้นจากการโจมตีในสงคราม ? คำตอบอยู่ที่ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law - IHL) ซึ่งยึดมั่นในหลักการปกป้องความเป็นมนุษย์ท่ามกลางความโหดร้ายของความขัดแย้ง
รู้จัก "กฎหมายสงคราม"
IHL หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "กฎหมายสงคราม (Laws of War)" เป็นชุดกฎหมายที่กำหนดขึ้นเพื่อควบคุมการปฏิบัติในความขัดแย้งทางอาวุธ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความทุกข์ทรมานและจำกัดผลกระทบต่อผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมการสู้รบ เช่น พลเรือน ผู้บาดเจ็บ และบุคลากรทางการแพทย์
อนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นรากฐานของ IHL ระบุชัดเจนว่า โรงพยาบาล สถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับการคุ้มครองในทุกสถานการณ์ การโจมตีสถานที่ที่มีสัญลักษณ์กาชาดแดง จันทร์เสี้ยวแดง หรือคริสตัลแดง ถือเป็น อาชญากรรมสงคราม ตามธรรมนูญกรุงโรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) การกระทำ เช่น การฆ่าโดยเจตนา การทรมาน หรือการทำลายสถานพยาบาลโดยไม่มีเหตุผลทางทหาร เป็นการท้าทายคุณค่ามนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
ทำไมโรงพยาบาลต้องได้รับการยกเว้น ?
เพราะโรงพยาบาลคือที่พักพิงสุดท้ายของผู้บาดเจ็บและผู้ป่วย เป็นสถานที่ที่แพทย์ปฏิบัติตาม "คำปฏิญาณฮิปโปเครติส" คือ การรักษาผู้ป่วยโดยไม่เลือกฝ่าย การโจมตีโรงพยาบาลไม่เพียงคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ แต่ยังทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการช่วยเหลือในยามวิกฤต สร้างความหวาดกลัว และตัดโอกาสการรอดชีวิตของผู้ที่อ่อนแอที่สุด หลักการ ความเป็นกลางทางการแพทย์ เน้นย้ำว่าแพทย์และสถานพยาบาลต้องได้รับอนุญาตให้ทำงานโดยไม่ถูกแทรกแซง ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลอาจสูญเสียการคุ้มครองหากถูกใช้เพื่อ "กระทำการที่เป็นอันตรายต่อศัตรู" เช่น เป็นฐานยิงอาวุธ คลังเก็บกระสุน หรือที่หลบภัยของนักรบที่ยังสู้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น IHL กำหนดเงื่อนไขเข้มงวด ฝ่ายที่ต้องการโจมตีต้อง แจ้งเตือนล่วงหน้า และให้เวลาอพยพผู้ป่วยและบุคลากรที่ไม่เกี่ยวข้อง การโจมตีต้องยึด หลักสัดส่วน โดยชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ทางทหารกับผลกระทบต่อพลเรือน และต้องใช้ ความระมัดระวังสูงสุด เพื่อลดความเสียหาย
การทิ้งระเบิดโรงพยาบาลทั้งหลังโดยอ้างว่ามีนักรบซ่อนอยู่ โดยไม่มีการเตือนหรือพิสูจน์ เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและผิดกฎหมาย
แต่น่าตกใจที่การโจมตีสถานพยาบาลยังคงเกิดขึ้นทั่วโลก ในกาซา รายงานจาก Safeguarding Health in Conflict Coalition (2024) ระบุว่ามีการโจมตีสถานพยาบาลเกือบ 1,900 ครั้ง ทำลายโครงสร้างถึงร้อยละ 94 กรณีโรงพยาบาลในเมืองคุนดุซ อัฟกานิสถาน ปี 2015 ที่ถูกกองกำลังสหรัฐฯ โจมตี คร่าชีวิต 42 ราย ถูกอ้างเป็น "ความผิดพลาด" แต่ไร้การลงโทษ การโจมตีในยูเครน ซูดาน และเอธิโอเปียยิ่งตอกย้ำว่า การทำลายสถานพยาบาลกลายเป็นส่วนหนึ่งของยุทธวิธีสงครามสมัยใหม่ เพื่อสร้างความหวาดกลัวและลงโทษรวมหมู่

ทำไมการโจมตีโรงพยาบาลถึงเป็นสิ่งเลวร้าย ?
เพราะไม่เพียงทำลายชีวิต แต่ยังทำลายความหวังและความเชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์ โรงพยาบาลคือสถานที่ที่เด็กแรกเกิด แม่ และผู้บาดเจ็บควรได้รับความปลอดภัย ไม่ใช่เป้าของระเบิดหรือจรวด การที่บางฝ่ายอ้างว่าโรงพยาบาลถูกใช้เป็นฐานทหาร โดยไม่แสดงหลักฐานหรือปฏิบัติตามขั้นตอนของ IHL เป็นข้ออ้างที่ไร้ศีลธรรม
ตัวอย่างเช่น การโจมตีโรงพยาบาลในเจนินโดยกองกำลังที่ปลอมตัวเป็นบุคลากรทางการแพทย์ แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายที่ท้าทายทุกหลักการ
เพื่อหยุดวงจรการละเมิด ประชาคมโลกต้องผลักดันการสอบสวนที่เป็นกลางและดำเนินคดีผ่าน ICC องค์กรอย่างแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ทำงานหนักเพื่อรวบรวมหลักฐานและเรียกร้องความยุติธรรม มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2286 (2016) ประณามการโจมตีสถานพยาบาล แต่กลับไร้ผลในทางปฏิบัติ เนื่องจากขาดเจตจำนงทางการเมือง การคว่ำบาตรหรือส่งคดีไป ICC มักถูกขัดขวางโดยผลประโยชน์ทางการเมืองของชาติมหาอำนาจ
การทำลายสถานพยาบาลในยามศึกสงคราม ไม่ใช่แค่การละเมิดกฎหมาย แต่เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมนุษยชาติ ผู้ที่สั่งการหรือกระทำการโจมตีต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด
ที่มาข้อมูล : International Committee of the Red Cross (ICRC), Rome Statute of the International Criminal Court, Safeguarding Health in Conflict Coalition, "Attacks on Health Care in 2023," 2024
อ่านข่าวอื่น :
กองทัพไทยซัด ฮุน เซน ใช้แผนที่ 1:50,000 วางแผนรบชายแดน
"ฮุนเซน" โต้ข่าวไปจีน "ฮุน มาเนต" ขอ UNSC จัดประชุมฉุกเฉิน