ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ด่านต่อไปคดีนายกฯ 29 ส.ค. ออกหน้าไหน”รบ.-พท.”ก็หนัก

การเมือง
21:50
80
ด่านต่อไปคดีนายกฯ 29 ส.ค. ออกหน้าไหน”รบ.-พท.”ก็หนัก

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผ่านคดี 112 มาได้ พรรคเพื่อไทยย่อมใจชื้น มีกำลังใจขึ้นมากโข ถึงขั้นบอกว่า มีสัญญาณดีเป็นบวก ต่อคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ

รวมทั้งคดีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซนของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร

มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนในพรรคเพื่อไทย เชื่อแบบนั้น ตั้งแต่คดี ม.112 ที่ในคำพิพากษาศาลช่วงหนึ่ง ที่ระบุว่า “พยานบุคคลภายนอกที่โจทก์อ้างมา ล้วนแต่เข้าร่วมชุมนุมขับไล่จำเลยทางการเมือง ส่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีอคติต่อจำเลย จึงมีข้อสงสัยถึงความเป็นกลาง”

ถือเป็นครั้งแรกในการพิจารณาของศาล ที่มีการอธิบายเรื่องพยานซึ่งโจทก์เชิญมาให้การมีอคติต่อจำเลย แม้จะเป็นในคดี ม.112 ซึ่งต่างจากคดีนายกฯ แต่กรณีที่ต้องการความมั่นใจ ย่อมเชื่อว่า ผลพิพากษาน่าจะออกมาไม่แตกต่างกัน

ถัดมาเป็นเรื่องแสดงความจริงใจและตั้งใจ ในการต่อสู้คำร้องนี้ ทั้งจากเอกสารชี้แจงภายในกรอบที่ศาลกำหนด และการไปให้ถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 21 สิงหาคม ทั้งที่มีข่าวก่อนหน้านั้นว่า น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่ไป เพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดี หากคำให้การไม่ตรงกับเอกสารชี้แจง

อีกทั้งกรณีศาลนัดฟังคำวินิจฉัย 29 สิงหาคม แกนนำในพรรคเพื่อไทยหลายคน ประสานเสียงยืนยันว่า นส.แพทองธาร จะไปศาลแน่นอน ไม่มีชิ่งหนี หรือยุบสภา เพื่อหวังให้คำร้องตกไป

ถัดมาเป็นความสำคัญต่อการมี หัว” ตัวจริงของรัฐบาล เพราะหากมีเปลี่ยนแปลงในระดับนายกฯ เท่ากับเป็น “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ประเทศจะเสียทั้งเวลาและโอกาส สำหรับการพลิกฟื้นแก้ปมปัญหาสาระพัน

ไม่ต่างจากคำให้การผ่านเอกสารชี้แจง ที่แสดงว่า น.ส.แพทองธาร ยืนยันจะไม่หนี เพราะว่าไม่ได้ทำผิดอะไร และไม่มีเจตนาที่จะทำให้ประเทศต้องเสียเกียรติภูมิหรือผลประโยชน์ของชาติ หรือกระทบต่อเอกราชอธิปไตยของประเทศไทย

ยังไม่นับปัจจัยสำคัญที่เชื่อกันว่า มาจากศักยภาพ และการประสานเจรจากับภาคส่วนต่าง ๆของนายทักษิณ ที่ซุ่มเงียบมานาน แทบไม่มีความเคลื่อนไหวๆ กระทั่งศาลอาญายกฟ้องคดี ม.112 จึงได้เริ่มเปิดตัวต่อสาธารณชน อย่างเป็นประธานในงานพระราชทานเพลิงศพ อดีตนายก อบจ.กาฬสินธุ์

แต่ที่ชัดยิ่งกว่านั้นคือ หวังผลการเจรจา เพื่อสะท้อนบารมีว่ายังคงมีอยู่

กระนั้นในทางตรงกันข้าม ความเชื่อของฝ่ายตรงข้ามนายทักษิณและรัฐบาล อาจเห็นแตกต่างออกไป โดยเฉพาะในมุมสมรภูมินิติสงคราม ที่เชื่อมโยงปมร้อน อาทิ ชั้น 14 คดี ฮั้ว สว. และเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จึงเป็นเสมือนสงครามการเมืองระหว่าง 2 ขั้วอำนาจใหญ่ อีกทั้งเปรียบเทียบความเสี่ยงคดี ม.112 น้อยกว่าคดีชั้น 14 อยู่แล้ว

จึงได้เห็นความมั่นใจของกลุ่ม 36 สว.ที่เป็นผู้ยื่นคำร้อง สอย น.ส.แพทองธาร จากตำแหน่งนายกฯ ไม่ว่าจะคำพูดพาดพิงด้อยค่า แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม้ต่อมานายกฯจะออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว แต่ สว.เห็นว่าฟังไม่ขึ้น และเห็นว่า หากนายกฯ มีเจตนาหวังให้ปัญหายุติเรื่องขัดแย้ง 2 ประเทศจริง สามารถตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตได้ ไม่มีเหตุจำเป็นต้องแอบเจรจาเป็นการส่วนตัว

มีต่างจากนายสมชาย แสวงการ อดีต สว.ตัวตึงที่เกาะติด 3 คดีทั้งของนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร มาตลอด ได้ระบุชัดว่า คดีนายกฯ จะหนักที่สุด นับตั้งแต่เขามีส่วนร่วมในการยื่นคำร้องให้ลงโทษนักการเมือง ตั้งแต่คดีนายสมัคร สุนทรเวช น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน 3 คดีมัดรวมกัน ความหนักเบายังน้อยกว่าคดีของ น.ส.แพทองธาร มัดรวมกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ท่าทีพรรคฝ่ายค้าน อย่างนายพริษฐ์ วัชรสินธ์ แกนนำและโฆษกพรรคประชาชน ยังสำทับล่าสุดว่า หาก น.ส.แพทองธาร รอดจากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พรรคประชาชน ได้เตรียมกลไกสภา รับช่วงตรวจสอบต่อ อาจเป็น ม.151 ที่มีการโหวตเสียง หรือ ม.152 ไม่มีการโหวตเสียง

โดยสรุปแล้ว ไม่ว่า พรรคเพื่อไทยจะมั่นใจแค่ไหน อย่างไร แต่ไม่ว่าผลจะออกมาบวกหรือลบ ยังมีด่านหินกวักมือรออยู่อีกอื้อ ยังไม่นับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ตอนนี้ สงบนิ่ง ไม่มีพรรคใดเทคแอคชัน หรือแสดงท่าทีเข้าข้างพรรคเพื่อไทยเลย เพราะเกรงจะ “แทงผิดข้าง”

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : มทภ.2 อนุมัติตอบโต้ทันที หากพบทหารกัมพูชา "รุกล้ำอธิปไตย-วางทุ่นระเบิด"

ย้อนไทม์ไลน์ จาก "เกรียงไกร" สู่ "พระอลงกต"

สมัชชาแกนนำภาคประชาชนอีสาน เดินหน้าผลักดัน “กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น”