พิธีส่งมอบภารกิจและธงประจำหน่วยงานระหว่างอดีตแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง กับ ”แม่ทัพเติ่ง” พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาค 2 คนใหม่ นายทหาร ตท.รุ่น 26 และจปร.รุ่น 37 เพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ท.บุญสิน เมื่อวาน ที่ลานสโมสรร่วมเริงไชย กองทัพภาค 2 ถึงจะเป็นไปอย่างชื่นมื่น แต่แฝงความอาลัยอยู่ในที
พล.ท.บุญสิน กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนาย ที่ยึดมั่นในการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และดินแดนไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ทั้งกล่าวชื่นชมยินดีกับแม่ทัพภาค 2 คนใหม่ ว่ามีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ จะนำพากองทัพภาค 2 บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้
“แม่ทัพเติ่ง” เป็นอีกหนึ่งนายทหารเลือดอีสานแท้ ก่อนขยับขึ้นมาแทนที่ พล.ท.บุญสิน เป็นรองแม่ทัพภาค 2 ที่อาวุโวอันดับ 1 และเคยร่วมงานกับ พล.ท.บุญสินมาตลอด รวมทั้งช่วงที่เกิดการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา และทหารกัมพูชายิงถล่มใส่ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ที่บ้านผือ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ที่มีพลเรือนรวมทั้งเด็กเสียชีวิตหลายคน “รองเติ่ง” ก็ร่วมวางแผนปฏิบัติการในหน้าแนวด้วย
รวมทั้งจุดที่มีการปะทะ ไม่ว่าปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ภูมะเขือ ช่องอานม้า และช่องบก ที่อยู่ภายใต้การควบคุมพื้นที่การรบ ก็มีทั้ง พล.ท.บุญสิน และ พล.ท.วีระยุทธ์ ช่วยบัญชาการ
แม่ทัพภาค 2 คนใหม่ ยังเคยเป็นตัวแทนของกองทัพภาค 2 ในการเข้าประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ และประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย
รวมทั้งเป็นผู้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT 8 ประเทศ ที่ลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุจริง 4 จุด ทั้งพื้นที่จ.อุบลฯ จ.ศรีสะเกษ และจ.สุรินทร์ จึงได้รับการรับประกันจาก พล.ท.บุญสิน ว่าของจริง และเชื่อใจได้
ในพิธีส่งมอบงาน พล.ท.บุญสิน กล่าวระหว่างอำลากำลังพล ยืนยันว่า แม้จะเกษียณอายุราชการ แต่ไม่ได้ไปไหน ยังจะช่วยเหลืองานกองทัพบกต่อ หลังจากนี้ จะยังคงลงพื้นที่ไปเยี่ยมทหารหน้าแนวตามชายแดนไทย-กัมพูชาเหมือนเดิม ในฐานะ “ลุงอดีตแม่ทัพ” ทั้งยังเตรียมไปเกี่ยวข้าวช่วยชาวบ้าน ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติของชาวนามานาน
ทั้งรับปากจะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกินต้มปลาต้มไก่กับชาวบ้าน ซึ่งเป็นการรับแขก “แบบบ้าน ๆ” ของคนในชนบทด้วย สะท้อนความผูกพัน และเข้าใจทั้งทหารและชาวบ้านในฐานะนายทหารอาชีพ
แต่ประเด็นที่ทำให้แฟนคลับใจชื้นขึ้นบ้าง คือคำตอบผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่า ใจหายหรือไม่ พล.ท.บุญสินตอบว่า ไม่ใจหาย เพราะไม่ได้ไปไหน ยังอยู่เป็นที่ปรึกษาฯ กองทัพ
ครั้งแรกอาจยังไม่มีการขยายผลในคำตอบนี้ กระทั่งมีการเปิดเผยคำสั่งของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งเป็นทั้งผู้บังคับบัญชา และเป็นนายทหารร่วมรุ่น ตท.26 และ จปร.37 กับ พล.ท.บุญสิน เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษา ผบ.ทบ. โดยระบุว่า เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าของกองทัพบก ที่มีความรู้ และประสบการณ์ที่เหมาะสม ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของผู้บังคับบัญชา แม้จะเกษียณราชการแล้ว
จึงแต่งตั้งให้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เป็นที่ปรึกษา ผบ.ทบ. มีหน้าที่ ความรับผิดชอบ 1) ให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะ เชิงยุทธศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการบริหาร ด้านความมั่นคง ด้านการป้องกันประเทศ และอื่น ๆ ให้แก่ ผบ.ทบ.
2) ปฏิบัติงานเป็นการเฉพาะเรื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจ ให้กับ ผบ.ทบ. ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2568 ซึ่งเป็นวันเกษียณอายุราชการเป็นต้นไป ทั้งมีรายงานข่าวว่า ผบ.ทบ.ได้จัดห้องทำงานที่ปรึกษาดังกล่าวไว้ให้แล้ว ที่กองบัญชาการกองทัพบก
เท่ากับเป็นข่าวดีสำหรับทหารและแฟนคลับที่ชื่นชมศรัทธาในตัวพล.ท.บุญสิน เท่ากับ ยังได้ไปต่อในฐานะที่ปรึกษา ผบ.ทบ. ยังไม่ได้เป็น “ลุงอดีตแม่ทัพ” ดังที่ได้กล่าวไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวว่า สถาบันพระปกเกล้า ที่มี รศ.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เป็นเลขาธิการสถาบัน ยังอยากได้ พล.ท.บุญสิน ไปเป็นที่ปรึกษา และรั้งตำแหน่ง ผอ.หลักสูตร เสริมสร้างสังคมสันติสุข และสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือสมช. ก็อยากได้อดีตแม่ทัพภาค 2 ไปเป็นที่ปรึกษาของ สมช.ด้วย
ยังไม่นับข่าวแว่ว ๆ วงใน รมช.กลาโหม คนปัจจุบัน พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 และจปร.37 ก็อยากได้ไปช่วยงานที่กระทรวงกลาโหมด้วย และพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรค ส่งคนทาบทามอยากให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถูกปฏิเสธ ยืนยันไม่สนใจงานการเมือง
เรียกว่า “คนดีผีคุ้ม” ถึงเกษียณราชการแล้ว ก็ยังมีทั้งพรรคการเมืองและหลายสถาบันอยากได้ตัวไปร่วมงาน
ที่สำคัญ ถือเป็นนายทหารที่โดดเด่นมาก ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงษ์สา บรรณาธิการอาวุโส