วันนี้ (17 ต.ค.2568) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า เรื่องนี้ดำเนินการในฐานความผิดทางอาญา ดังนั้นจึงต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน โดยยังอยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินและจะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเร็ว ๆ นี้ หากมีหลักฐานว่าเป็นการโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดี
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการสอบสวนพยาน 1,200 คนเกี่ยวกับขบวนการฮั้ว สว. อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สอบพยานไปแล้วบางส่วน แต่เมื่อพิจารณาคำให้การของพยานแล้วพบว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก ซึ่งจะต้องนำไปประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ ส่วนจะพิจารณาดำเนินคดีขัดหมายเรียกพยานกลุ่ม จ.บุรีรัมย์ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ให้ความร่วมมือเข้าให้ปากคำหรือไม่นั้น ต้องประชุมร่วมกับพนักงานอัยการอีกครั้ง
พ.ต.ต.ยุทธนา ยังกล่าวถึงกรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า แม้ดีเอสไอยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ แต่ได้แสวงหาพยานหลักฐานและสอบถามข้อมูลไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการร้องเรียนเรื่องบุกรุกและเอกสารสิทธิ์ ซึ่งการออกเอกสารสิทธิ์เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพบว่ามีการออกมานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งจะพิจารณาว่าเป็นการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่หรือไม่ หากเกิน 20 ปีจะขาดอายุความ แต่จะเป็นความผิดหรือไม่ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานอีกส่วนหนึ่ง
อ่านข่าว
ทลาย 6 เว็บพนัน ตร.สอบขยายผลโยงสินบน 40 ล้านบาท
รมว.ยุติธรรม เผยพบข้อมูลเครือข่ายสแกมเมอร์ตั้งสำนักงานในไทย
ป.ป.ส.บุกตรวจโกดังสารเคมีสมุทรปราการ อายัดสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดกว่า 20 ตัน