วันนี้ (19 ต.ค.2567) CNN รายงาน การประท้วง "No Kings" รอบที่ 2 ซึ่ง Indivisible Project ผู้จัดงานระบุว่ามีผู้เข้าร่วมเกือบ 7 ล้านคน รวมตัวกันแสดงออกถึงการต่อต้านต่อ "วาระอำนาจนิยม" ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ การประท้วงเกิดขึ้นในเมืองใหญ่และชุมชนเล็ก ๆ ทั่วประเทศกว่า 2,700 แห่ง และดำเนินไปอย่างสงบ โดยผู้จัดงานได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการกระทำที่ไม่ใช้ความรุนแรง และมีการฝึกอบรมด้านยุทธวิธีลดความตึงเครียดให้กับอาสาสมัครหลายหมื่นคน เพื่อให้เป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับการแสดงแสนยานุภาพทางทหารของรัฐบาลทรัมป์ในเมืองที่นำโดยพรรคเดโมแครต
แรงผลักดันหลักของผู้เข้าร่วมนั้นหลากหลาย แต่มีประเด็นสำคัญที่โดดเด่น ได้แก่ ความกังวลเรื่องภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย และการโจมตีต่อสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เพ็กกี โคล อดีตพนักงานรัฐบาลที่เดินทางจากมิชิแกนมาประท้วงที่ วอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า เธอรู้สึกว่าประชาธิปไตยกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง
นอกจากนี้ การกวาดล้างผู้อพยพของหน่วยงาน ICE และการส่งกองกำลังทหารของรัฐบาลกลางเข้าประจำการในเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ก็เป็นประเด็นหลัก คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีเมืองลอสแอนเจลิส กล่าวว่า การส่งกองกำลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติเข้าแอลเอ โดยขัดต่อความต้องการของผู้ว่าการรัฐเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นก้าวแรกสู่ระบอบอำนาจนิยม และไม่ต้องการให้การแทรกแซงทางทหารในเมืองกลายเป็นเรื่องปกติ
อีกประเด็นที่สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักคือ การตัดลดงบประมาณโครงการของรัฐบาลกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการด้านสุขภาพ เช่น Medicaid ดาเนียล กวินโต คุณแม่ลูกสองในชิคาโกกล่าวว่า เธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายสุขภาพ ขณะที่ อลิซาเบธ นี ซึ่งเป็นนักสังคมสงเคราะห์ในรัฐแมริแลนด์ กล่าวว่า เธอเห็นผลกระทบโดยตรงที่โรงพยาบาลจิตเวชที่เธอทำงานอยู่ โดยมีผู้ที่พึ่งพา Medicaid จำนวนมากกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง

การประท้วงเกิดขึ้นท่ามกลางการชัตดาวน์ที่เข้าสู่วันที่ 18 แล้ว ส่งผลกระทบต่อข้าราชการที่ถูกสั่งพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ข้าราชการที่ถูกพักงานหลายคนเข้าร่วมการชุมนุมใน ดี.ซี. โมนาการ์ ข้าราชการที่ถูกพักงาน กล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ได้ ทำลายชื่อเสียงของคนทำงานรัฐบาล
การชุมนุมครั้งนี้มีการใช้ชุดแฟนซีและเครื่องแต่งกายอย่างแพร่หลาย ผู้ประท้วงมีทั้งสวมชุดยูนิคอร์น กบ และไดโนเสาร์ ซึ่งใช้เป็นกลยุทธ์ในการลดความรุนแรงและเพื่อตอบโต้คำกล่าวหาของ ปธน.ทรัมป์ ที่เรียกพื้นที่ประท้วงในเมืองต่าง ๆ ว่าเป็น "เขตสงคราม" นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงบางส่วนใช้ผ้าสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านแบบไม่ใช้ความรุนแรงและเรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อเป็นเครื่องหมายของความสามัคคี

ด้าน สว.เบอร์นี แซนเดอร์ส กล่าวปราศรัยที่วอชิงตัน ดี.ซี. โดยประณาม ทรัมป์ ว่ากำลังรวบรวมอำนาจในมือของตนเองและ กลุ่มผู้มีอำนาจ ซึ่งรวมถึงมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ แซนเดอร์สตอบโต้คำวิจารณ์จากพรรครีพับลิกันที่กล่าวหาผู้ประท้วงว่า "เกลียดชังอเมริกา" โดยย้ำว่า "เราอยู่ที่นี่เพราะเรารักอเมริกา"
ทางฝั่งของพรรครีพับลิกัน ผู้นำบางคน เช่น ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกการชุมนุมเหล่านี้ว่า "ต่อต้านอเมริกา" และยังกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่าการชุมนุมได้มีส่วนทำให้เกิดภาวะชัตดาวน์ ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้การประท้วงด้วยการปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่ "กษัตริย์" และโฆษกทำเนียบขาวได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้สั้น ๆ ว่า ใครสนใจกัน ?
การเคลื่อนไหว "No Kings" ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ โดยมีการประท้วงในโทรอนโต ประเทศแคนาดา ภายใต้ชื่อ No Tyrants เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียว และมีการชุมนุมในเมืองต่าง ๆ ในยุโรป เช่น เบอร์ลิน ปารีส โรม และสวีเดน เพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ประท้วงในสหรัฐฯ
อ่านข่าวอื่น :
ปมประท้วงกาซา แอสตันวิลลา ห้ามแฟนบอล มัคคาบีเทลอาวีฟ เข้าสนาม
ทบ.สั่งเบรก "รถเครื่องเสียง" ห้ามเปิดเพลงเสียงดังชายแดนสระแก้ว
แท็กที่เกี่ยวข้อง: