ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"อนุทิน" ยก ปราบสแกมเมอร์ เป็นวาระแห่งชาติ

การเมือง
19:16
270
"อนุทิน" ยก ปราบสแกมเมอร์ เป็นวาระแห่งชาติ
นายกฯ ถกปราบสแกมเมอร์นัดแรกลากยาว รปภ.เข้ม สั่งเก็บมือถือผู้เข้าร่วมประชุม เผย ยกเป็นวาระแห่งชาติ ใช้ยาแรงสั่งตัดไฟตัดเน็ตพื้นที่ลักลอบทันที โดยเฉพาะปอยเปต ยืนยัน หน่วยงานเกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้า ยึดทรัพย์แล้วระดับหมื่นล้านบาท

วันนี้ (20 ต.ค.2568) นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน​ ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชม.

จากนั้นนายอนุทิน​ ระบุว่า​ ได้ประชุมทุกหน่วยงานเพื่อให้ทราบว่าปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาระดับโลก และเป็นวาระแห่งชาติที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.2568)  เพื่อให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ มีการยึดทรัพย์ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดในระดับหมื่นล้าน แต่ขาดการประชาสัมพันธ์ คนจึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลไม่ได้อยู่เฉยๆ และได้สั่งการให้ดำเนินการเข้มข้นมากขึ้น

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าสแกมเมอร์ขณะนี้อยู่ที่พื้นที่กรุงเทพฯ นายกฯ ระบุว่า อยู่ทั่วไป​ แต่ฐานหลักยังอยู่ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และวันนี้เลขาฯสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ยืนยันว่า ได้มีการระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งจากไทยไปยังพื้นที่สแกมเมอร์บ้านทั้งหมดแล้ว​ แต่หากจะมีการนำสัญญาณตรงไหนไปใช้ก็ต้องประสานประเทศต้นทาง ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสันติภาพในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม

นายอนุทิน​ ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่ได้มีการตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นประธานอนุกรรมการปราบปรามสแกมเมอร์​ ขณะนี้มีคณะอนุกรรมการ 2-5 ชุด ซึ่งตนพยายามให้มีการรวมโดยมีหน่วยงานหลักคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ กระทรวงยุติธรรม​ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน​ (ปปง.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงมหาดไทย พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีชื่อใครทั้งนั้น จะต้องรอให้อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นเลขานุการของคณะกรรมการชุดนี้รวบรวมรายชื่อ เนื่องจากคณะอนุกรรมการชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดยนายกฯ

ส่วนมาตรการยาแรงในการแก้ไข​ปัญหา​ เลขา กสทช.ได้ดำเนินการเรื่องปิดสัญญาณและตัดการสนับสนุนเรื่องพลังงาน​ ในพื้นที่ติดต่อชายแดนกัมพูชา​ ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแล สามารถหยุดการให้บริการหรือสนับสนุนคนทำผิดกฎหมายได้ทันที ซึ่งถือเป็นยาแรงและสั่งให้มีการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ทันที​ หากเป็นการสนับสนุนการกระทำผิด​ โดยยึดตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เคยมีไว้ โดยไม่ต้องเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง​

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมือง​ 7 รายชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์​ นายกฯ ระบุว่า​ ตนก็รอรายชื่อ​ แต่กลับกลายเป็นว่าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ​พร้อมย้ำว่า​ หากพบเส้นทางการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้วอย่าง ปปง.​ พร้อมกล่าวย้ำว่า หากพบจะไม่ดูว่าชื่อหรือตำแหน่งอะไร แต่หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิดชัดเจน ใครผิดก็ต้องดำเนินการ

นายอนุทิน​ ยังกล่าวว่า​ หากฝ่ายค้านมีข้อมูลเรื่องสแกมเมอร์​ ขอให้เปิดเผยเพื่อให้ง่ายและไม่ต้องคาดเดาสามารถดำเนินคดีได้ เพราะฝ่ายค้านเป็นฝ่ายตรวจสอบ สามารถดำเนินการได้ทันที ขอให้ส่งรายชื่อมาอย่างเป็นทางการ

นายอนุทิน​ ยังเปิดเผยได้ว่า มีผู้ที่กระทำความผิดถือสัญชาติไทย และถือสัญชาติอื่นด้วย จึงเป็นที่มาที่ตนไม่ยอมเซ็นมอบสัญชาติให้ โดยได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการถอนสัญชาติ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์

ส่วนที่ น.ส.สฤณี​ อาชวานันทกุล​ นักวิชาการอิสระ​ ออกมาระบุข้อมูลเชื่อมโยงสแกมเมอร์​ นายฯ ยอมรับว่า ไม่ยังไม่ได้อ่านข้อมูลดังกล่าว ส่วนที่มีการเชื่อมโยงถึงบริษัทและบุคคลต่าง ๆ ในประเทศไทย หากโยงถึงใครคนนั้นก็โดน ซึ่งต้องดูจากพฤติกรรมหากใครทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี ซึ่งหากประเทศไทยไม่ดำเนินการให้เด็ดขาดและเข้มงวด แต่เมื่อมีการไปเจรจาการทูต​ การลงทุน​ รวมถึงการเมือง เรื่องนี้จะทำให้เราเสีย​ และถูกกดดัน​ จึงต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด​

ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมาสนับสนุนให้ไทยไม่เข้าร่วมการประชุม GBC เนื่องจากกัมพูชาไม่ยอมทำตามข้อตกลง นายกฯ ระบุว่า อะไรที่ดำเนินการอยู่แล้ว และประเทศไทยไม่ได้สูญเสียประโยชน์​ โดยยึดถือเกียรติภูมิของประเทศและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ โดยจะดำเนินการ จนกว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ ว่าจะสู้กันต่อประจันหน้ากัน หรือต่างคนต่างไป ต่างคนต่างยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ซึ่งจะค้างเติ่งแบบนี้ไม่ได้

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่มีการเก็บอุปกรณ์สื่อสาร และโทรศัพท์ ผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหมด ใส่ในถุงซิปล็อก ไว้หน้าห้องประชุม และยังมีการปิดห้องประตูห้อง และปิดม่าน และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายใน ตึกสันติไมตรี

อ่านข่าว : นายกฯ สั่ง กต.สอบข้อเท็จจริงข่าวนายกฯ เกาหลี พูดเปิดชื่อ 7 นักการเมืองไทย เอี่ยวสแกมเมอร์เขมร

 เปิดตัว “เฉิน จื้อ” Chen Zhi (Vincent) ที่ปรึกษานายกฯ กัมพูชา 

"ฮุน มาเนต" ชี้จะลงนามสันติภาพที่ มาเลเซีย 26 ต.ค.นี้