ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"รังสิมันต์" กล่าวถ้อยแถลงเวที IPU ชี้การไม่ป้องกัน - เก็บกู้อาวุธ ทำลายความเชื่อใจระหว่างเพื่อนบ้าน

การเมือง
20:15
186
"รังสิมันต์" กล่าวถ้อยแถลงเวที IPU ชี้การไม่ป้องกัน - เก็บกู้อาวุธ ทำลายความเชื่อใจระหว่างเพื่อนบ้าน
"รังสิมันต์"กล่าวถ้อยแถลงในเวที IPU ยืนยัน ไทยมุ่งมั่นควบคุมอาวุธ - ลดอาวุธ พร้อมชี้ว่า การไม่ป้องกันและเก็บกู้อาวุธ เป็นอันตรายต่อพลเรือน ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเพื่อนบ้าน

ในการอภิปรายของคณะกรรมาธิการสามัญว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ในการประชุมรัฐสภาโลก หรือ สมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 (IPU) ซึ่งเป็นเวทีภาคเช้าของวันจันทร์ที่ 20 ต.ค.หัวข้อการอภิปราย คือ “นโยบายควบคุมอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธ : การป้องกันการแข่งขันทางอาวุธครั้งใหม่” ปรากฏว่าผู้แทนรัฐสภาทั้งไทยและกัมพูชาต่างกล่าวถ้อยแถลงของฝ่ายตน

ผู้แทนจากกัมพูชาเป็นฝ่ายขออภิปรายก่อน ซึ่ง “ทีมไทยแลนด์” มอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด แต่ผู้แทนกัมพูชาไม่ได้กล่าวพาดพิงหรือโจมตีประเทศไทยตามที่คาดเอาไว้ มีเพียงการยืนยันจุดยืนและความร่วมมือของกัมพูชาในการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการทำลายล้างทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

จากนั้นผู้แทนรัฐสภาไทย โดยนายรังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากฝ่ายกัมพูชาอย่างมากเช่นกัน รวมถึงชาติสมาชิกที่ร่วมอยู่ในห้องประชุมด้วย

นายรังสิมันต์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของไทยต่อการควบคุมอาวุธ การลดอาวุธ และการไม่แพร่ขยายอาวุธ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุดมคติที่เลื่อนลอย แต่เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อสันติภาพและความมั่นคงของมนุษย์ในภูมิภาคของเรา

สำหรับประเทศไทย การควบคุมอาวุธไม่ใช่เรื่องของการนับจำนวนอาวุธ แต่เป็นเรื่องของการนับจำนวนชีวิต และการทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีชีวิตใดต้องสูญเสียไปโดยไม่จำเป็นจากความประมาทเลินเล่อ ความล่าช้า หรือความเพิกเฉย

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงเลือกเดินในเส้นทางที่ยากกว่า นั่น คือ การลงมือทำแทนที่จะเป็นเพียงแค่การพูด ในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาว่า ด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ประเทศไทยได้ใช้เวลานานหลายทศวรรษในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ปนเปื้อนตามแนวชายแดนของเราเพื่อฟื้นฟูความปลอดภัย สร้างวิถีชีวิตขึ้นมาใหม่ และทวงคืนความหวังให้กับชุมชนที่เคยถูกคุมขังโดยภัยเงียบใต้ผืนดิน

เราได้เรียนรู้ว่าอาวุธที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังไม่เพียงแต่สร้างบาดแผลให้กับผืนดินแต่ยังสร้างบาดแผลให้กับมโนธรรมของประชาชาติด้วยสิ่งเหล่านี้ย้ำเตือนเราว่า สันติภาพที่ล่าช้าคือความทุกข์ทรมานที่ยาวนานออกไป

จากนั้น นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า บางส่วนในภูมิภาคของเรายังคงอยู่ภายใต้เงาของทุ่นระเบิด ไม่เพียงแต่จากอดีตอันไกลโพ้น แต่ยังมาจากอุปกรณ์ที่เพิ่งถูกวางใหม่ ซึ่งทรยศต่อเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาที่เราทุกคนให้คำมั่นว่าจะยึดถือ 

ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิดแต่ละลูกเป็นมากกว่าซากสงคราม แต่มันคือคำถามถึงความรับผิดชอบ และทุ่นระเบิดทุกลูกที่ถูกวางใหม่คือการกระทำที่จงใจเพิกเฉยต่อชีวิตมนุษย์ 

นายรังสิมันต์สรุปว่า ความเป็นจริงเช่นนี้บังคับให้ไทยต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า การไม่ป้องกันและเก็บกู้อาวุธเหล่านี้เป็นอันตรายต่อพลเรือน ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเพื่อนบ้าน และบ่อนทำลายโครงสร้างทางศีลธรรมของสันติภาพในภูมิภาคของเรา ที่สำคัญ ความเข้มแข็งที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ความสามารถในการสะสมอาวุธ แต่วัดกันที่ความกล้าหาญที่จะลดอาวุธ นั่นก็คือการเลือกความโปร่งใสแทนความลับ และเลือกความรับผิดชอบแทนการปฏิเสธ

นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ประเทศไทยเชื่อว่าสันติภาพไม่สามารถสร้างขึ้นบนข้อแก้ตัว หรือดำรงอยู่ได้ด้วยความเงียบ สันติภาพจะคงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อทุกประเทศเผชิญหน้ากับพันธกรณีของตนอย่างตรงไปตรงมาและรักษาคำพูด

อ่านข่าว : "ฮุน มาเนต" ชี้จะลงนามสันติภาพที่ มาเลเซีย 26 ต.ค.นี้ 

มทภ.2 ลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม-ช่องอานม้า

เกาหลีใต้ระงับโครงการช่วยกัมพูชา-จ่อคว่ำบาตรธุรกิจพัวพันอาชญากรรม