วันนี้ (24 ต.ค.2568) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก โดยเป็นกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา แล้วนั้น
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2568 การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก โดยเป็นกลุ่มคดีส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 600, 601, 602, 1095, 1096, 2767, 2869, 3188, 3195, 3863, 8626, 8662, 8811, 9235 และ 25091
ส่วนกรณีที่ศาลฎีกาที่ 842-876/2560 รวมทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษายืนตามศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของชาวบ้านจำนวน 35 รายในเขตพื้นที่ ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์นั้น เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้ร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำการไกล่เกลี่ยคดีกับชาวบ้านทั้ง 35 ราย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฯ ทำสัญญาให้เช่าแล้ว
การรถไฟฯ ขอยืนยันว่า พื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดงเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้ข้อพิพาทที่เป็นความสับสนในสังคมได้ข้อยุติ การรถไฟฯ จึงขอนำพิสูจน์สิทธิกันในศาล และเชื่อมั่นว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ การฟ้องร้องครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาทรัพย์สินของทางราชการ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ
อ่านข่าว : ธุรกิจของ ยิม เลียก (Yim Leak) ในกัมพูชา
โฆษกรัฐบาลยัน ในที่ประชุม JBC ไม่มีการคุยเรื่องมาตราส่วนแผนที่
พิษณุโลกน้ำท่วม 3 เดือน ชาวบ้านเรียกร้องยกเลิก "บางระกำโมเดล"











