แม้พรรคประชาชน จะเคยอ้าแขนรับ สุทัศนีย์ บุรณุปกรณ์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย บ้านใหญ่บุรณุปกรณ์ แห่ง จ.เชียงใหม่ เข้าพรรค แต่เป็นรับพิจารณาเป็นผู้สมัคร นายก อบจ. การเมืองระดับท้องถิ่น แต่ไม่เคยเปิดรับอดีต สส.หรือ ระดับอดีตรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่น บนเวทีระดับชาติ เพราะจะเลือกเฟ้นคนหน้าใหม่
การเปิดตัวร่วมงานกับพรรคประชาชน ของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังที่เจ้าตัวประกาศ เพราะไม่เพียงนายอธิรัฐ เป็นอดีต สส. 2 สมัย จ.นครราชสีมา เท่านั้น ยังเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นการเปิดรับระดับ สส.และรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่น เข้าร่วมในฐานะสมาชิกพรรคประชาชน คนแรก
และเป็นการขยับตัวของ “บ้านใหญ่” รัตนเศรษฐ์ แห่งโคราช ที่มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เป็นประมุข และสมัยรัฐบาล “ลุงตู่” เป็นประธานวิปรัฐบาล
แม้นายวิรัช ตอนนี้จะไปต่อทางการเมืองไม่ได้ เพราะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง พิพากษาจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อม สส.ในกลุ่ม รวมทั้งภรรยา เมื่อปลายเดือน ก.ค.2568 ในคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลใน จ.นครราชสีมา วงเงินกว่า 4,400 ล้านบาท
แต่มีทายาทถึง 3 คน ที่จะเดินหน้าบนเวทีทางการเมืองแทน และจากความเคลื่อนไหวล่าสุด ได้ “แตกทัพ” กระจายไป 2 พรรค นายอธิรัฐ พี่ชายคนโต เปิดตัวกับค่ายสีส้ม ขณะที่นายทวิรัฐ อดีต สส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ และนายตติรัฐ ที่เข้าไปมีบทบาททางการเมืองแล้วเช่นกัน เปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย ค่ายสีน้ำเงิน
เป็นการ “แตกทัพข้ามขั้ว” โดยเฉพาะนายอธิรัช จากขั้วอนุรักษ์นิยม ไปอยู่ขั้วเสรีนิยม
ตระกูลรัตนเศรษฐ์ เริ่มสะสมบารมีทางการเมืองจากนายวิรัช ที่ลงสมัครและได้เป็น สส.โคราชครั้งแรก ปี 2529 ในสังกัดพรรคชาติไทย ของนายบรรหาร ศิลปอาชา จากนั้นเป็น สส.รวม 5 สมัย กระทั่งได้เป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ปี 2540 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย
เคยตกเป็นข่าวในโครงการพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ซึ่งเป็นโครงการจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว แจกจ่ายชาวบ้านนำไปปลูกไว้กินเอง แต่ครั้งนั้น นายวิรัช ยืนยันทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
นายวิรัชกลับมาโดดเด่นอีกครั้งกับพรรคพลังประชารัฐ สมัย “ลุงตู่” เป็นนายกฯ โดยมี สส.ในสังกัดเข้าสภาพร้อมกันหลายคน กระทั่งได้ทั้งโควตารัฐมนตรีนายอธิรัฐ ส่วนนายวิรัช ได้โบนัส เป็นประธานวิปรัฐบาล
เมื่อ “ลุงตู่” ย้ายไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ นายวิรัชยังอยู่กับ “ลุงป้อม” และมีบทบาทสูงในการลงพื้นที่ ช่วยผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐหาเสียง แต่โชคร้ายที่โคราช พปชร.ปักธง สส.ไม่ได้เลยในการเลือกตั้งปี 2566
การขยับตัวของ “รัตนเศรษฐ์” เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างการปรับตัว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่กูรูทางการเมืองเชื่อว่า รูปแบบวิธีการแข่งขัน รวมทั้งปัจจัยชี้ขาด จะต่างจากเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 ที่ “บ้านใหญ่” จำนวนไม่น้อยพลาดท่าปราชัยให้กับค่ายสีส้ม เพราะแบ่งพรรคฟาดฟันกันเอง
นอกจากต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น “โครงการคนละครึ่งพลัส” อย่างที่เริ่มได้เห็นชัดในจังหวัดชลบุรี ที่ “บ้านใหญ่” จับมือแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยมีเป้าหมายร่วมสู้กับพรรคประชาชนแล้ว
ยังมีปรับใช้กลยุทธ์ “บ้านใหญ่แตกทัพ” แทนที่จะส่งลงสมัครพรรคเดียวเหมือนก่อน แต่กระจายความเสี่ยงลงสมัครหลายพรรค ซึ่งยังจะได้ลุ้นเข้าร่วมรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น เพราะพรรคหนึ่งอาจแพ้ในบางเขต แต่ยังเหลือเขตอื่นในอีกหนึ่งพรรค
ประกอบการคาดการณ์ “กระแส” จะแพ้ “กระสุน” ของกูรูทางการเมือง “บ้านใหญ่” ที่ปรับทัพ จึงจะพลิกกลับกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
จับตาดูกลยุทธ์ใหม่ “บ้านใหญ่” ให้ดี
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ป.ป.ช.ชี้มูล “รัชฎา” อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ “ผิดวินัยร้ายแรง” ปมเรียกรับเงิน-ทุจริตป่าชายเลน
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











