เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2568 กระทรวงการต่างประเทศไทยแถลงย้ำจุดยืนเดิม ขอให้สหรัฐอเมริกาแยกประเด็นเจรจาการค้าออกจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมตอบโต้ข่าวปลอมจากกัมพูชา โดยเฉพาะข่าวที่อ้างว่าทหารไทยกระทำชำเราและทำร้ายร่างกายแรงงานชาวกัมพูชาวัย 18 ปี เมื่อวันที่ 15 พ.ย.
นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ประณามว่าเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน เพื่อทำลายภาพลักษณ์ไทยในสายตาต่างประเทศ และยืนยันว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ไทยยึดหลักสิทธิมนุษยชน โปร่งใส และมีมาตรฐานชัดเจน ไทยเคารพกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เป็นภาคีตราสารสำคัญ 8 จาก 9 ฉบับ ให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยจากเพื่อนบ้านมานาน และได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 2 วาระ (2010-2013 และ 2025-2027) จึงไม่ให้ค่าข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานและมุ่งร้าย
ด้านกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเที่ยงวันพุธ (19 พ.ย.) ว่าขณะนำคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ลงพื้นที่ตรวจสอบการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงที่ทมอดา จ.โพธิสัตว์ เวลา 11.00 น. ได้ยินเสียงปืนดังจากฝั่งไทย ทำให้คณะ AOT ตัดสินใจยุติภารกิจและออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
แต่ พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือไทย ชี้แจงว่าช่วงเวลานั้น เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (TMAC) ที่บ้านชำราก อ.เมือง จ.ตราด สังเกตเห็นกลุ่มทหารกัมพูชาเฝ้าดูจากฐานจอมวย ห่างรั้วลวดหนาม 150 เมตร ก่อนเกิดเสียงดังคล้ายประทัดใกล้เคียง ทำให้กำลังพลทั้ง 2 ฝ่ายหลบที่กำบัง
หลังตรวจสอบพบว่าไม่มีการใช้อาวุธจากไทย และเสียงคล้ายประทัดมากกว่าเสียงปืน อาจเป็นการสร้างสถานการณ์จากฝั่งกัมพูชา การลงพื้นที่ฝั่งกัมพูชานี้เกิดหลังสื่อกัมพูชาอ้างแหล่งข่าวความมั่นคงว่ากองทัพไทยมีแผนโจมตี 2 จุดใน จ.โพธิสัตว์ คือ ทมอดาและโอพลุดมเรย แต่สุดท้ายไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น และกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ได้เคลื่อนไหวเพิ่มเติม
ทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ดารา อิน กล่าวระหว่างพบผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานสหประชาชาตินครเจนีวา เมื่อ 18 พ.ย. ว่าสถานการณ์ชายแดนยังเปราะบางเพราะไทยรุกรานต่อเนื่อง ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนกัมพูชา ปิดล้อมหมู่บ้าน และกักขังทหารกัมพูชา 18 นาย แม้ตกลงกันหลายครั้ง
โดยรายงานจากเดอะ พนมเปญ โพสต์ระบุเพิ่มว่าทูตชี้ข้อกล่าวหาทุ่นระเบิดใหม่ที่ทหารไทยเหยียบเมื่อ 10 พ.ย. เป็นของเก่าจากสมัยสงคราม ไม่ใช่ใหม่ที่กัมพูชาวาง และกัมพูชามีผลงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่โลกยอมรับ แสดงความมุ่งมั่นสร้างโลกปลอดทุ่น โดยไม่มีหลักฐานวางใหม่และไม่มีผลประโยชน์ในการทำ ข้อกล่าวหานี้คือข้ออ้างของไทยเพื่อล้มข้อตกลงสันติภาพและยกระดับตึงเครียด
นอกจากนี้ยังอ้างเหตุทหารไทยยิงเมื่อ 12 พ.ย. ทำให้พลเมืองกัมพูชาเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 คน และกรณีทหารไทย 7 นายล่วงละเมิดแรงงานกัมพูชาเมื่อ 15 พ.ย. ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมร้ายแรง ขอให้สหประชาชาติสนับสนุนแก้ไขโดยสันติ
สำนักข่าวเดอะ แคมโบเดีย เดลี รายงานแถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชาเมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ว่าประเทศไทยเสี่ยงถูกมองว่าเป็นรัฐไร้กฎหมาย หากไม่ให้ความยุติธรรมแก่แรงงานกัมพูชาวัย 18 ปีที่ถูกทหารไทย 7 นาย กระทำชำเราและทำร้ายระหว่างเดินทางกลับประเทศ โดยย้ำว่าความรุนแรงทางเพศเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงที่สุด ต้องลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น เรียกร้องให้ไทยดำเนินคดีผู้กระทำผิดทันทีและชดเชยผู้เสียหาย พร้อมระบุว่าทหารไทยเคยละเมิดสิทธิมนุษยชนกัมพูชาหลายครั้ง เช่น ยึดบ้านเรือนที่ดิน และใช้เครื่องขยายเสียงข่มขู่พลเรือน
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทยเปิดเผยว่าเมื่อ 18 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ส่งหนังสือถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐ เพื่อย้ำการละเมิดถ้อยแถลงร่วมของกัมพูชา ขอให้กัมพูชาไม่ขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย และแสดงความจริงใจปฏิบัติตามถ้อยแถลงอีกครั้ง พร้อมย้ำจุดยืนว่าปัญหาชายแดนควรแยกจากประเด็นค้าทวิภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วม หากสหรัฐฯ จะเข้ามามีบทบาท ควรกดดันกัมพูชาให้กลับมาปฏิบัติตามถ้อยแถลงด้วย
อ่านข่าวอื่น :
กองทัพเรือโต้กัมพูชา ชี้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ปมเสียงประทัดชายแดน
ฝนตกหนัก "พัทลุง" ปภ.แจ้งเตือน 5 อำเภอระวังน้ำท่วม-ดินถล่ม











