วันที่ 20 พ.ย.2568 จ.สุราษฎร์ธานี สถานการณ์น้ำท่วมยังทวีความรุนแรงและขยายวงกว้าง หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ วันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุดพบว่ามีพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเป็น 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ท่าชนะ ไชยา ท่าฉาง วิภาวดี ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ คีรีรัฐนิคม และพุนพิน มีประชาชนได้รับผลกระทบรวม 32 ตำบล 227 หมู่บ้าน 6,518 ครัวเรือน จำนวน 27,959 คน ขณะที่จังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ไชยา ท่าชนะ และ ท่าฉาง
อ.ไชยา ยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลายตำบลมีระดับน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะพื้นที่รับน้ำก่อนระบายออกสู่ทะเล เช่น ต.ตลาดไชยา ทุ่งเลม็ด พุมเรียง และ ป่าเว ซึ่งหลายจุดน้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ประชาชนจำนวนมากยังสัญจรลำบากและต้องย้ายออกจากที่พักชั่วคราว
ที่โรงเรียนสารภีอุทิศ ต.ตลาดไชยา ระดับน้ำภายในโรงเรียนสูงประมาณ 30–50 เซนติเมตร ส่งผลให้ต้องปิดการเรียนการสอนเป็นวันที่ 3 แล้ว และยังไม่สามารถกำหนดวันเปิดเรียนได้ เนื่องจากยังต้องประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยในตำบลเดียวกันยังมีโรงเรียนอีก 4 แห่งที่ต้องปิดเรียนเช่นเดียวกัน
ตลอดทั้งวัน หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ปกครอง ท้องที่ และท้องถิ่น ระดมกำลังลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดย หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 นำเรือท้องแบนอำนวยความสะดวกในการลำเลียงข้าวกล่องจำนวน 200 ชุด และน้ำดื่ม 40 แพ็ค ที่คณะสงฆ์วัดพระบรมมหาธาตุไชยาวรวิหารจัดเตรียมไว้ ไปช่วยเหลือชาวบ้าน ม.1 ต.ทุ่ง อ.ไชยา ซึ่งถูกน้ำท่วมต่อเนื่องกว่า 3 วัน
ขณะเดียวกัน กำลังพลจาก มทบ.45 และ ร.25 พัน.3 จำนวน 15 นาย พร้อมนายอำเภอไชยา ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำชุมชน ร่วมแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงสำรวจความเสียหายของระบบสาธารณูปโภคเพื่อเตรียมวางแผนฟื้นฟู
ด้าน กองบิน 7 สนับสนุนกระสอบทราย 2,000 ใบ พร้อมร่วมบรรจุเพื่อจัดทำพนังกั้นน้ำ และประสานการทำงานร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 นำรถสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าระบายน้ำในเขตตลาดไชยา เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านอย่างเร่งด่วน
ส่วนพื้นที่ใกล้เคียงใน อ.ท่าฉาง โดยเฉพาะ ต.เสวียด ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำบนเขาที่ไหลหลากเข้าท่วม เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ย. ทำให้ถนนบางจุดมีระดับน้ำสูง 20–30 เซนติเมตร และพื้นที่ลุ่มบางแห่งมีน้ำสูงกว่า 1 เมตร เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสำรวจและช่วยเหลือประชาชนใน 7 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ
ด้านสภาพอากาศหลายพื้นที่ยังมีเมฆมากและมีฝนตกเล็กน้อยเป็นระยะ แต่ฝนเริ่มทิ้งช่วงมากขึ้น คาดว่าสถานการณ์อาจดีขึ้นในวันนี้ (21 พ.ย.) แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าว :
“นครศรีฯ” เตรียมรับมือน้ำท่วมเมืองคืนนี้ รพ.มหาราชฯ เร่งเสริมกระสอบทราย