วันนี้ (21 ธ.ค.2568) เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุว่า กรณียุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งอาจจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับผลกระทบไปด้วย ว่า ตนเองเคยพูดไว้ว่าหากนายกรัฐมนตรี จะยุบสภาเพื่อหลีกหนีการตรวจสอบ หรือปัดความรับผิดชอบเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงาน หรือปิดกิจการ เพื่อหนีการตรวจสอบ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า แม้เวลานี้ยังมีการถกเถียงในเชิงข้อกฎหมายอยู่ว่าเมื่อยื่นอภิปรายแล้วจะยุบสภาได้หรือไม่ ตนคิดว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจในการยุบสภาหนีการตรวจสอบ แม้ว่าจะถกกันว่ากฎหมายตีความอย่างไร ตนคิดว่าในเชิงความรับผิดรับชอบทางการเมือง หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา ก็ย่อมไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนที่มีต่อนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งที่จะมาถึง
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเงื่อนไขของพรรคประชาชนเรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้ประกาศชัดเจนใน 3 เงื่อนไข ได้แก่ 1.หากนายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภาภายในวันที่ 31 ม.ค.2569 ก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถือว่าขัดเงื่อนไข MOA 2.หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เสร็จสิ้นในวาระ 3 ภายในสิ้นปีนี้ จะยื่นอภิปราย 3.นอกเหนือจาก 2 เงื่อนไขข้างต้น หากมีการดำเนินนโยบายอะไรที่เห็นว่าสร้างความเสียหายให้ประชาชน จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคอื่นที่จะพิจารณายื่นอภิปรายตามมาตรา 151 ด้วยเงื่อนไขของตัวเอง แต่หากเป็นเช่นนั้น เราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราในสภา
เมื่อถามว่าหากยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. โดยที่รัฐธรรมนูญยังแก้ไขไม่เสร็จ จะถือว่าพรรคภูมิใจไทยผิดข้อตกลงกับพรรคประชาชนหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าชัดเจน ว่า MOA ที่ลงนามกันไว้ มี 2 ประเด็นหลัก คือ ต้องมีการยุบสภาภายใน 31 ม.ค.2569 และการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหากไม่มี 2 คำถามในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งก็ถือว่าผิดเงื่อนไข MOA
เมื่อถามว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดนั้นเป็นความพยามยามส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร แต่ตนขอย้ำจุดยืนเดิมว่าถ้ายุบสภา ก็เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน หรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แต่ช่วงใกล้เลือกตั้งแบบนี้ก็คงไม่ส่งผลดีต่อตัวนายกรัฐมนตรี เพราะนายอนุทินได้ประกาศไปแล้วว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเสียงโหวตในสภา พรรคประชาชนอาจต้องเลือกว่าจะเป็นฝ่ายค้ำรัฐธรรมนูญและฝ่ายค้ำรัฐบาลหรือไม่ เพราะนายกฯ ระบุว่าไม่ได้กลัวการซักฟอก แต่กลัวเสียงโหวตในสภา นายพริษฐ์ กล่าวว่า เงื่อนไขและท่าทีของเราชัดเจนว่าการยื่นอภิปรายเป็นอย่างไร และชัดเจนมาตลอดว่าในการเซ็น MOA ที่ตั้งใจให้คนที่เป็นคู่สัญญาของเรา ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นใครก็ตามมาดำรงสถานะในรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้สามารถใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจควบคุมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญาตามเงื่อนไข MOA การที่เราคงสถานะเป็นฝ่ายค้าน นอกจากจะสอดคล้องกับสิ่งที่ประกาศมาโดยตลอดว่าจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดสภาชุดนี้ อีกส่วนก็เพื่อให้เราคงสถานะอิสระในการตรวจสอบรัฐบาล โดยใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่าหากยุบสภาก่อนจนทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่ถึงปลายทาง พรรคประชาชนจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่แค่พรรคประชาชนอยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งที่เราพยายามทำ คือการจูงมือทุกฝ่าย เพื่อทำให้การผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเร็วที่สุด และเข้าใจดีว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ส่วนการชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเคารพสิทธิ และเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยในการตัดสินใจว่าจะอภิปรายหรือไม่ ยื่นใคร และยื่นเมื่อใด
อ่านข่าว : ยุบสภาฯ ก่อนยื่นซักฟอก เกมตัดคู่แข่ง?
"เพื่อไทย" เปิดตัว "บ้านใหญ่อัศวเหม" "อนุทิน" ไม่ตอบ "ตัดขาดกันเลยหรือ?"
"ภราดร" รับถ้ายุบสภา 12 ธ.ค.นี้ แก้รัฐธรรมนูญไม่ทันแน่
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











