ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทลายฐานทัพใหญ่ "เมียวดี-ชเวก๊กโก" ไทยตั้งรับ "สแกมเมอร์" ย้ายถิ่น

อาชญากรรม
15:55
63
ทลายฐานทัพใหญ่ "เมียวดี-ชเวก๊กโก" ไทยตั้งรับ "สแกมเมอร์" ย้ายถิ่น
อ่านให้ฟัง
11:13อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ภาพชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน จำนวนมากวิ่งหลบหนี พร้อมขนสัมภาระออกจากอาคาร ขณะที่กองกำลังกะเหรี่ยง และ กองทัพเมียนมา ระดมกำลังลุยกวาดล้าง สถานที่ที่กลุ่มสแกมเมอร์ใช้เป็นฐานก่อเหตุอาชญากรรมทางออนไลน์ในพื้นที่ “เมียวดี-ชเวก๊กโก” ถูกนำมาเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้มีคำถามตามมาว่า คนเหล่านี้จะย้ายถิ่นฐานไปตั้งหลักพื้นที่ใด และมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า “เครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้ใช้อาจ “ไทย” เป็นฐานทัพ สำหรับก่ออาชญากรรมครั้งใหม่

จากข้อมูลทางการข่าวของฝ่ายไทย พบข้อมูลรายชื่อบุคคลที่เชื่อมโยงกับ เครือข่ายสแกมเมอร์ในฐานระบบ จำนวน 2,000 รายชื่อ ซึ่งอยู่ในระดับเฝ้าระวัง ส่วนจำนวนอีกกว่า 200 รายชื่อ คือ บุคคลที่มีหมายจับ และมีพฤติกรรมกระทำความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเกือบทั้งหมดพบว่า เป็นชาวจีน

สแกน “เครือข่ายสแกมเมอร์” ขึ้นบัญชีรายชื่อเฝ้าระวัง

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะคณะทำงานศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ หรือ ศปอส.ตร. (ACSC) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ในพื้นที่ฝั่งประเทศกัมพูชาและเมียนมา โดยเฉพาะฝั่งเมียนมา ตำรวจได้เข้มตรึงกำลังเฝ้าระวังป้องกันไว้ให้กลุ่มบุคคลที่อาจจะมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายผู้กระทำความผิดลักลอบหลบหนี เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ก่ออาชญากรรม

ตามปกติหากมีชาวต่างชาติเดินทางผ่านเข้าเมือง ด่านตรวจก็จะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในระบบเพื่อเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลแต่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีพื้นที่ทางธรรมชาติ เป็นบริเวณแนวยาวก็อาจทำให้มีบางกลุ่มลักลอบหลบหนีเข้ามาโดยช่องทางธรรมชาติ จึงต้องอาศัยการทำงานควบคู่กันจากหลายภาคส่วนเพื่อที่จะป้องกัน

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พ.ต.อ.เผด็จ กล่าวว่า แม้ว่าจะยังมีบางส่วนที่หลบหนีเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อเหตุแต่ตำรวจ ก็มีแนวทางในการปราบปรามเท่าที่ที่ผ่านมาจะใช้เวลาในการตรวจสอบเฉลี่ยคดีละ 1 สัปดาห์ ทำให้ภาพรวมกลุ่มสแกมเมอร์ไม่สามารถจัดตั้งฐานขนาดใหญ่ในประเทศไทยได้เพราะปัจจัยไม่เอื้ออำนวย จากข้อมูลการข่าวพบว่า ขณะเครือข่ายของสแกมเมอร์ได้หันไปใช้พื้นที่ประเทศลาวในการตั้งฐานใหม่

แต่หากตรวจสอบในเชิงลึกก็จะพบว่าทั้ง 3 ประเทศนั้นมีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าซึ่งได้รับผลประโยชน์คือคนกลุ่มเดียวกัน หลายครั้งพบว่ามีการกวาดล้างในฝั่งเมียนมา กลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ก็จะย้ายถิ่นฐานไปยังลาวและกัมพูชาในรูปแบบคล้ายการย้ายสัมปทานบริษัทจากบริษัทหนึ่งไปสู่บริษัทหนึ่ง

โดยทั้ง 2 บริษัทมี บริษัทแม่เป็นบริษัทเดียวกัน แต่รูปแบบการหลอกลวงอาจจะแตกต่างกันเช่น ในฝั่งของเมียนมาบริเวณพื้นที่เมืองเมียวดีจะเน้นการหลอกลวงชาวต่างชาติ ส่วนพื้นที่ท่าขี้เหล็กและคิงส์โรมันจะเน้นการหลอกลวงคนไทยด้วยกัน

ขณะที่ฝั่งกัมพูชาพบการหลอกลวงในหลายรูปแบบและมีผู้เสียหายกระจายไปทั่วโลก เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งฐานหลาย 10 จุด และมีเครือข่ายสแกมเมอร์กว่า 1,000 เครือข่ายทั่วประเทศ ซึ่งตำรวจไทยก็อยู่ระหว่างปราบปรามในส่วนที่สามารถทำได้

"ที่ผ่านมาเคยพบชาวจีนหรือชาวต่างชาติ นำเงินสดมูลค่ามหาศาลที่ไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาที่ชัดเจนได้ เข้ามาในไทย และมีความเป็นไปได้สูงว่า ผู้บริหารของเครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้อาจมีการนำเงินดังกล่าวมาใช้เพื่อแสวงหาช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มกระทำความผิด"

นอกจากมาตรการป้องกันภายในประเทศแล้ว พ.ต.อ.เผด็จ ระบุว่า ยังมีการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับตำรวจหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ทวีปยุโรปและเอเชีย ที่มีเครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้อยู่ว่าต้องการจะปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาดหรือไม่

ส่วนการปราบปราม ผู้ร่วมขบวนการซึ่งทำหน้าที่จัดหาบุคคลไปเป็นบัญชีม้า แอดมิน และเจ้าหน้าที่ธุรกรรมต่างๆ พ.ต.อ. เผด็จ เล่าว่า บุคคลที่ทำหน้าที่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทย เมื่อถูกจับกุมตำรวจก็นำพยานหลักฐานขยายผลไปถึงผู้สั่งการ โดยแนวทางการสืบสวนสอบสวนจะนำข้อมูลที่ได้จากเส้นทางการเงิน มาประกอบกับคำให้การ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางมาทำงาน ว่ารู้จักและสมัครงานบัญชีม้าหรือแอดมินเว็บจากไหน เดินทางมาอย่างไรและประสานงานกับใคร

"มีคนไทย ทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาแรงงาน ถึงกว่า 1,000 เครือข่าย เช่น กรณีของเจ๊โรส ก็เชื่อมโยงกับกรณีที่มีคนไทยถูกทำร้ายเสียชีวิตในเมืองปอยเปต 5 คน ในห้วงเวลาเพียง 30 วัน มีคนเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันทั้งหมด เนื่องจากทำยอดไม่ถึงตามเป้า ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งส่วนตัวของเจ๊โรสและเครือข่าย โดยจะมีการขอศาลออกหมายจับได้ ในข้อหาเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ"

เปิดข้อมูล "เจ้าหน้าที่รัฐ" ไฟเขียวใช้ไทย "ฐานฟอกเงิน"

หากเปรียบเทียบข้อมูลการกวาดอาชญากรรมทางออนไลน์ ระหว่างปี 2567 และปี 2568 พบว่า สถิติการหลอกหลอกลวงทางออนไลน์ ลดลง ร้อยละ 30 จากเดิมที่เคยรับแจ้งวันละ 1,000 คดี ในปี 2567 แต่ในปี 2568 พบว่ามีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 - 700 คดีต่อวัน ขณะที่ความเสียหายก็ลดลงจากรายละ 100,000 บาท คงเหลืออยู่ที่ประมาณ 77,000 บาท

นอกจากนี้คณะทำงานศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ยังพบข้อมูลอีกว่า กลุ่มคนในระดับปฏิบัติงานของขบวนการค้ามนุษย์ อาจมีเจ้าหน้าที่ในระดับสูงของไทยที่อาจจะเข้าไปเชื่อมโยง แต่จะมีลักษณะและรูปแบบการทำงานแตกต่างกัน คนเหล่านี้จะมีหน้าที่อำนวยความสะดวก โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับบนของเครือข่ายสแกมเมอร์ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการฟอกเงิน

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับหลักฐานที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำไปมอบให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะหลักฐานเส้นทางการเงินจากเอกสารรายงานการเข้าซื้อกิจการ การวางโครงสร้างบริษัท วิธีการการเพิ่มทุน ซึ่งมีการรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงบุคคลที่มีรายชื่อในแบล็กลิสต์เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ของสหรัฐอเมริกา

สำหรับเส้นทางธุกรรมทางการเงินที่ได้ มาจากการเปรียบเทียบรายชื่อของบุคคลซึ่งสหรัฐอเมริการะบุเป็นแบล็กลิสต์ โดยพบว่ามีปลายทางของเส้นทางการเงินถูกโอนมาที่บริษัทพลังงานและบุคคลสำคัญของไทย

เมื่อตรวจสอบเชิงลึกทำให้พบการธุรกรรมที่ผิดปกติ เช่น การแจ้งรายชื่อเพื่อจดทะเบียนบริษัทโดยมีหลักทรัพย์เพียง 300 บาท แต่ภายหลังกลับพบว่าบริษัทมีกำไรและเพิ่มทุนอีก 600 ล้านบาท ก่อนจะขยายเป็น 7,000 ล้านบาท
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หลักฐานที่นำมาให้ ปปง.คือ สารตั้งต้น เพื่อนำไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม มีรายชื่ออดีตรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวม 2 คน เกี่ยวข้อง แต่จะเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองหรือนักธุรกิจคนอื่นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการสืบสวนสอบสวนของ ปปง.

"สำหรับเส้นทางการเงินดังกล่าวมีรายชื่อของบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งทางการเมืองเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ได้ตั้งธงไว้ว่าผู้กระทำความผิดมีใครบ้าง ทุกอย่างขอให้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงตัวบุคคล แต่เบื้องต้นเชื่อว่า น่าจะมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 10 คน"

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่ภาพนายทักษิณ ชินวัตร และ ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ซึ่งมีการพูดคุยกับบุคคลซึ่งอาจจะมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์นั้น นายอภิสิทธิ์ ให้ความเห็นว่า ไม่อยากให้สังคมตัดสินหรือระบุความผิดของบุคคลใดบุคคลหนึ่งผ่านภาพถ่าย เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จะนำมาใช้ยืนยันได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับใคร

แต่สิ่งที่จะเป็นรูปธรรมคือการตรวจสอบด้วยพยานหลักฐาน และการนำข้อมูลทุกอย่างที่ตัวเองและทีมงานสามารถสืบค้น และหาได้ มามอบให้ ปปง. ก็คาดหวังว่า หากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และพบผู้กระทำความผิดจริง ทาง ปปง.จะยึดอายัดทรัพย์ และดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้กลับเข้ามามีตำแหน่งทางการเมือง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่าหลังจากมอบหลักฐานให้ ปปง.แล้ว ทีมงานและฝ่ายกฎหมายของพรรคฯ ก็จะส่งพยานหลักฐานที่มีอยู่ชุดเดียวกันให้ ก.ล.ต. เพื่อให้ประสานการทำงานร่วมกันกับสถาบันการเงิน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของต่างประเทศ เพื่อบูรณาการขยายผลต่อไป

เงินเทาจากเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ พนันออนไลน์และสแกมเมอร์ เสมือนภัยเงียบที่รุกไล่ครอบคลุมแทบทุกวงการ มีคำถามว่าสุดท้ายแล้ว ใครจะเป็นเจ้าภาพ

รายงานโดย : พลอยพรรณ คล่องแคล่ว ผู้สื่อข่าวอาชญากรรมไทยพีบีเอส

อ่านข่าว

"อภิสิทธิ์" ยื่น ปปง.สอบอดีตรัฐมนตรีโยงสแกมเมอร์

ข้อเสนอภาคประชาชน ปฏิรูปตำรวจ “สกัดทุนเทา” หลุดเข้าเลือกตั้ง 69 

วิบากกรรม "กรมปทุมวัน" ส่วยสีกากี ยากฟื้นวิกฤตศรัทธาชาวบ้าน