คดีร้อนส่วยเว็บพนันออนไลน์ ยังไม่จางหาย องค์กรสีกากี ก็เดือดระอุอีกรอบ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเป็นข้อความสนทนาผ่านแชตไลน์ มีทั้งรูปภาพ และข้อความที่เป็นไปในทางให้ผลประโยชน์ และของกำนัล ในยามนี้ ระเบิดพลีชีพที่ขว้างใส่กรมปทุมวันแต่ละลูก ล้วนสร้างความสั่นสะเทือนต่อเก้าอี้ผบ.ตร.ไม่น้อยเลย หลังมีการเปิดเผยว่า มีการแอบอ้างชื่อบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย นายตำรวจในพื้นที่ภาคอีสาน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า "อยากได้หลักฐานตำรวจที่ซื้อขายตำแหน่ง และใครซื้อขายก็เป็นคนโง่" วันนี้จึงนำข้อมูลมาให้ปปง.และดีเอสไอตรวจสอบ เป็นหลักฐานข้อความสนทนาในแชตไลน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2567 และปัจจุบันนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้เข้ารับราชการในตำแหน่งที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมคลิปเสียงเสียงพูดคุยของตนกับภรรยาของนายตำรวจระดับผู้บังคับการในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นผู้เสียหายและได้ร้องทุกข์เข้ามา
เป็นหลักฐานที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้นำมายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กับผู้เกี่ยวข้อง ต่ออธิบดีดีเอสไอ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ตรวจสอบโดยอ้างแชทไลน์ระบุทมีการซื้อขายตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 บอกเป็นแชทไลน์ระหว่างพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กับคุณหญิงจุฑาทิพย์ หรือชื่อเล่นโอ๋ ซึ่งเป็นคุณหญิงกำมะลอ
"ผบ.ตร.อยากได้หลักฐาน ผมจึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ผบ.ตร. กับคุณหญิงกำมะลอพร้อมพวก ที่แอบอ้างเบื้องสูงทำการซื้อขายตำแหน่ง ปี 2567 ซึ่งเดิมตั้งใจจะเปิดในวันที่ 26 พ.ย.นี้ที่กรรมาธิการความมั่นคงฯ แต่เห็นว่ามีการเปิดแล้วบาง ส่วนจากหลายฝ่ายจึงนำหลักฐานมาเปิดในวันนี้ เพราะมีหลักฐานเอาผิดทั้งขบวนการ"
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า มีการจ่ายเงินในการซื้อตำแหน่งรายละ 5-7 ล้านบาท รวม 24 ล้านบาท และมีเส้นเงิน12 ล้านบาทไปซื้อรถและกระเป๋าให้ภรรยาบิ๊กตำรวจด้วย ซึ่งการร้องทุกข์ต่อดีเอสไอเพื่อให้ผบ.ตร.ชี้แจงข้อกล่าวหา ที่บอกไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง แล้วแบบนี้เรียกว่าอะไร ซึ่งตามระเบียบข้าราชการตำรวจ ผบ.ตร. มีหน้าที่ต้องจัดการ
"ผู้ร้องอ้างกับผมว่า ถูกคุณหญิง... ซึ่งแอบอ้างเบื้องบนได้บอกกับเขาว่า สามารถช่วยให้ตำรวจได้รับตำแหน่งต่าง ๆได้ โดยจะต้องแลกกับค่าตอบแทน ซึ่งเป็นเงินสดหรือทรัพย์สินราคาแพง ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงินสด , นาฬิกา และ กระเป๋าแบรนด์เนม โดยเนื้อหา เกี่ยวข้องกับนายตำรวจ 4 นาย ซึ่งต้อง การจะเลื่อนตำแหน่ง ขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกนำมาใช้สำหรับแลกเปลี่ยนในการแต่งตั้งทั้งหมด 24 ล้านบาท" นายอัจฉริยะ กล่าว
“วันที่ 26 พ.ย.นี้ ผมจะเข้าให้ข้อมูลต่อกมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯ จะมีข้อมูลมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายตำแหน่งที่เป็นข่าวอยู่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรองผบ.ตร.) กล่าวก่อนเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา เมื่อวานนี้ ( 19 พ.ย.2568)
"องค์กรตำรวจวันนี้มันพังพินาศ เพราะคนที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. ถ้าคนที่ขึ้นมาอย่างเหมาะสม องค์กรตำรวจเราต่อสู้กับเรื่องอย่างนี้มาอย่างยาวนาน ในเรื่องซื้อขายตําแหน่ง เป็นเรื่องที่เลว แต่วันนี้องค์กรเรา จะยุบ ผบ.ตร.ต่อศักดิ์ ทั้งส่วยเว็บพนัน ส่วยต่าง ๆ ยาเสพติด ยังจะยุบ ผบ.ตร.กิตติ์รัฐอีก และยังมาเจอเรื่องซื้อขายตำแหน่งอีก คุณไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่า คุณไม่รู้เรื่อง เพราะมันเป็นไลน์ของตัวเอง" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
และว่าหากผบ.ตร. จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่มาขอให้แต่งตั้ง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ มาตรา 87 ระบุ ผู้ขอให้แต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งเป็นความผิดทั้งสิ้น และต้องดำเนินคดีกับทุกคนที่มาขอ หรือส่งไลน์มา และรวมถึงภรรยาของตัวเองด้วย หากตัวเองไม่เกี่ยวข้องจริง ๆ
ขณะที่พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงคลายประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ ภายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 โดยระบุว่า ต้องรอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติทำการตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและ ผบ. ตร.ได้เน้นย้ำไว้อย่างชัดเจนในการมอบนโยบายว่าจะไม่มีการละเว้นไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ อย่างแน่นอน
"เราเชื่อมั่นในผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ท่านพูดไว้ว่าจะทำอย่างจริงจัง อีกทั้งถ้ามีพยานหลักฐานก็จะมีการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง" พล.ต.ท.ไตรรงค์ระบุ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ย้ำว่า ขอให้เชื่อมั่นในกฎหมายตำรวจฉบับใหม่ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงและมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นตามกฎหมายใหม่
ส่วนที่หลายฝ่ายสงสัยว่าการทุจริตซื้อ-ขายตำแหน่งไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม จะติดตามเอาผิดได้อย่างไร รองจเรฯระบุว่า แม้ไม่มีหลักฐานแต่ขอให้มีฝ่ายที่เสียหายออกมายืนยัน จเรตำรวจแห่งชาติก็สามารถดำเนินการได้
ปฎิเสธไม่ได้ว่า องค์กรตำรวจกำลังระส่ำหนัก นับจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกกล่าวหากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีพนักงานสอบสวนร้องทุกข์กล่าวโทษในพื้นที่ สน.เตาปูน ให้ดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ 22 คน ในความผิดฐาน "ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้อนุญาตจากเจ้าพนักงานและความตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน"
คดีนี้พนักงานสอบสวน สอบจนพบเครือข่ายเจ้าของเว็บพนันและพบเส้นทางการเงินเกี่ยวกับข้าราชการตำรวจหลายนาย รวมถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จนศาลมีคำสั่งออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ วันที่ 2 เม.ย. 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช อดีตรอง ผบ.ตร. สมัยนั้นเป็นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตรวจสอบพบความผิดเข้าข่ายดำเนินการวินัยร้ายแรง
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2568 คณะกรรมการพิจารณาโทษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมติเอกฉันท์ไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถือเป็นการลงดาบขั้นสูงสุดในทางวินัย ส่งผลให้หมดสิทธิ์รับบำเหน็จบำนาญ ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด และก.พ.ค.ตร. ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ตามมาด้วยคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. ถูกกล่าวหาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 200 นาย จากปมรับผลประโยชน์เว็บพนันออนไลน์ หลัวคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ชี้ว่า มีมูลความผิดทางวินัยกรณีถูกกล่าวหาว่ามีการรับเงินหรือผลประโยชน์จากขบวนการส่วยเว็บพนันออนไลน์
สำหรับการชี้มูลดังกล่าว ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวงการสีกากี ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยกับข้อมูลที่เคยถูกเปิดโปงเรื่อง 34 เส้นทางการเงินจากเว็บพนัน BNK Master ที่เผยให้เห็นการโอนเงินจากผู้ต้องหาเว็บพนันไปยังตำรวจหลายระดับ ไปจนถึงนายพลและญาติสนิท
"ผมเชื่อว่าข้อมูลของ บิ๊กโจ๊ก ไม่มั่วที่ว่า แก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด คือ ตำรวจ ไม่ใชในประเทศไทย แต่ใหญ่ที่สุดในโลก เรารู้กันอยู่ว่า ทุกวันประชุมประจำเดือน คือ วันก่อนเข้าทำธุรกรรมแห่งชาติของตำรวจ ที่ต้องมีการนำส่วนไปจ่ายให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อย่าบอกว่าไม่มี" พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ที่ปรึกษา กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กล่าวและว่า
ตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมาปัญหาส่วยตำรวจรุนแรงมาก เราจะเห็นว่ามีการนำตู้แดง กล่องเล็กๆ ไปติดไว้ตามบริษัทหรือสถานที่ต่างๆ แล้วตำรวจบอกว่า มี”ตู้แดง”แล้ว เดี๋ยวจะดูแลให้จายแค่เดือนละ 1000-2000 บาท แลกการไม่เข้าไปตรวจคนต่างด้าว แต่ปัจจุบันตู้แดงหายไปแล้ว มีคนเล่นหวยใต้ดิน เจ้ามือหวยใต้ดิน ตำรวจไม่จับ กลายเป็นว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ รับเงินจากสแกมเมอร์
นอกจากนี้ยังมีการปฎิบัติแบบสองมาตรฐาน คือ ผู้จ่ายส่วยและมีตำรวจ 3 คนที่ถูกจับและถูกไล่ออกจากราชการ ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ อีก 200 นาย ไม่ถูกดำเนินคดี ทั้ง ๆที่มีหน้าที่รับเงินและเบิกเงินออกไป จึงอยากทราบว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานก.ตร.จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร
เป็นการตั้งคำถามที่หลายฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนกำลังรอคำตอบว่าวิบากรรมที่เกิดขึ้นกับองค์กรสีกากี ในกรมปทุมวันจะถูกแก้ไขให้เข้าร่องเข้ารอยและฟื้นศรัทธากลับมาได้ในเร็ววันหรือไม่ และด้วยวิธีการใด
อ่านข่าว
โค่นขบวนการเถื่อน “ขาย DNA -ฟอกตัว” สวมบัตรคนไทยให้ต่างด้าว
คำพิพากษาฉบับเต็ม คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป "ทักษิณ" จ่าย 1.76 หมื่นล้าน
ปิดฉากคดีหุ้นชินคอร์ป “ทักษิณ” ต้องจ่ายภาษี 1.76 หมื่นล้านคืนรัฐ