วันนี้ (27 พ.ย.2568) น.ส.พิมพ์กาญจน์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บ.นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ออกเอกสารถึง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ผลคำพิพากษาศาลฎีการะหว่างบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) กับ กรุงเทพมหานคร โดยมีเนื้อหา ดังนี้
- กทม.เตรียมนำรถและเรือดับเพลิงของกลางมาใช้ หลังจอดทิ้งไว้กว่า 10 ปี
- เพิกถอนคำสั่ง "คุณหญิงณัษฐนนท" คดีทุจริตรถ-เรือดับเพลิง 429 ล้าน
- ย้อนคดี "รถ-เรือดับเพลิง" หลังศาลสั่งทายาท "สมัคร" ชดใช้ 587 ล้าน
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ได้ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร ("กทม.") ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค 136/2560 เพื่อให้กรุงเทพมหานครชำระค่าภาระยกขนสินค้าและค่าภาระฝากสินค้าให้กับบริษัท และค่าเคลื่อนย้ายรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำออกจากท่าเทียบเรือของบริษัท โดยมีจำนวนทุนทรัพย์ถึงวันฟ้อง 1,040,809,382 บาท
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 สาระสำคัญสรุปได้ว่า การที่รถดับเพลิงมาขึ้นที่ท่าเรือของบริษัทซึ่งเป็นผู้ให้บริการเป็นการส่งมอบไว้ให้บริษัทเพื่อให้ กทม.ในฐานะผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายมารับไปจากทั้งนี้ เมื่อบริษัทได้รับคำสั่งโดยชอบให้คืนรถดับเพลิงแก่ผู้ใดก็จะคืนแก่ผู้นั้นพร้อมกับรับชำระค่าภาระต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 665 วรรคหนึ่ง โดยบริษัทมีสิทธิ์ยึดหน่วงรถดับเพลิงไว้จนกว่าจะได้รับชำระค่าภาระต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 670 ปรากฏว่า กทม.ไม่ได้เป็นผู้นำสินค้าดังกล่าวมามอบให้กับบริษัทแต่เป็นตัวแทนสายเรือแห่งหนึ่งเพื่อให้บริษัทเก็บรักษาไว้เพื่อส่งมอบแก่ผู้ที่นำใบตราส่งและใบส่งมอบสินสินค้า กทม.จึงไม่ใช่คู่สัญญาตามสัญญาฝากทรัพย์กับบริษัท ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องบริษัท
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฯ และในวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษา สรุปความได้ว่า ให้ กทม.ชำระเงินค่าภาระทั้ง 3 รายการ และภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,040,809,382 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 972,719,049 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 26 กรกฎาคม 2560) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัท กับค่าภาระฝากสินค้าขาเข้าเป็นรายวันพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มอีกวันละ 272,817.90 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 26 กรกฎาคม 2560) เป็นต้นไปจนกว่า กทม.จะนำสินค้าพิพาท (รถดับเพลิง) ทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ท่าเทียบเรือของบริษัท โดยกำหนดให้ กทม.ชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ศาล แทนบริษัท และชำระค่าทนายความแก่บริษัทจำนวน 50,0000 บาท
ทั้งนี้ กทม.ได้เคยฟ้องแย้งว่า บริษัทไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถดับเพลิงอันเป็นยุทธภัณฑ์เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับอนุญาตให้มียุทธภัณฑ์ในการครอบครอง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีการพิพากษายกฟ้องแย้ง และยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของ กทม. ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลฯ เดิม กทม.ได้ขออนุญาตฎีกา
ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในวันนี้ ให้ กทม.ชำระเงินจำนวน 212,534,238.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 198,630,129 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 กรกฎาคม 2560) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ทั้งนี้หากกระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยใหม่โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาก็ให้ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย ไปตามพระราชกฤษฎีกาบวกด้วย อัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อไป แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อไป ตามที่โจทก์ขอ เมื่อจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ครบถ้วนแล้วให้โจทก์ส่งมอบรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำพิพาทแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องและฟ้องแย้งขั้นฎีกา ให้เป็นพับ
อ่านข่าว : ย้อนคดี "รถ-เรือดับเพลิง" หลังศาลสั่งทายาท "สมัคร" ชดใช้ 587 ล้าน
อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง 4 ขรก.คดีทุจริตซื้อรถดับเพลิง กทม. 6 พันล้าน
ทิ้งร้างเกือบ 10 ปี กทม.เตรียมทุ่มงบฯ ซ่อมรถ-เรือดับเพลิง คาดใช้ 180 ล้าน บ.











