ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Landmine Monitor เผยปี 67 ยอดตาย-เจ็บจากทุ่นระเบิดพุ่ง 6,279 คน

ต่างประเทศ
21:02
55
Landmine Monitor เผยปี 67 ยอดตาย-เจ็บจากทุ่นระเบิดพุ่ง 6,279 คน
Landmine Monitor 2568 เผยผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดพุ่ง 6,279 คนในปี 2567 สูงสุดรอบ 4 ปี 90% เป็นพลเรือนและเด็กครึ่งหนึ่ง สงครามยูเครน-เมียนมา-ซีเรียใช้ทุ่นเพิ่ม 5 ชาติยุโรปถอนตัวจากออตตาวา ไทย-กัมพูชาชะงักเก็บกู้ และขาดแคลนเงินทุนจากสหรัฐฯ

รายงานการเฝ้าระวังทุ่นระเบิด หรือ Landmine Monitor ฉบับล่าสุดปี 2565 ซึ่งเพิ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2568 ชี้ให้เห็นว่าความพยายามทำให้โลกปลอดทุ่นระเบิดกำลังเผชิญอุปสรรคใหญ่หลวง โดยเฉพาะจากความขัดแย้งที่ปะทุในหลายภูมิภาค ซึ่งขัดขวางความก้าวหน้าของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา

รายงานนี้รวบรวมข้อมูลสถานการณ์ทุ่นระเบิดทั่วโลกในปี 2567 พบว่ามีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวม 6,279 ราย ในกว่า 50 ประเทศ สูงสุดในรอบ 4 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปีก่อนหน้า โดยร้อยละ 90 เป็นพลเรือน และเกือบครึ่งเป็นเด็กกับสตรี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าเศร้าใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ขัดแย้งที่ผู้ลี้ภัยเริ่มกลับบ้านและเผชิญภัยซ่อนเร้น

ความขัดแย้งที่รุนแรงคือต้นตอหลัก โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนนโยบายความมั่นคง รัสเซียวางทุ่นระเบิดจำนวนมหาศาลในยูเครนตั้งแต่ปี 2565 ขณะที่สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดน ส่งมอบทุ่นระเบิดให้ยูเครน 2 รอบในเดือน พ.ย.-ธ.ค.2567 เพื่อสนับสนุนทางทหาร และมีหลักฐานชี้ว่ายูเครนเองก็ใช้ทุ่นด้วย

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ในเมียนมา กองทัพและกลุ่มติดอาวุธใช้ทุ่นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดใน 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เมียนมามีผู้เสียหายสูงสุดกว่า 2,000 คน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของยอดรวมโลก เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีก่อน ส่วนซีเรียมีผู้เสียหายกว่า 1,000 คน โดยตัวเลขพุ่งสูงในปลายปี 2567 หลังระบอบอัสซาดล่มและผู้ลี้ภัยกลับบ้าน ทำให้พลเรือนเสี่ยงมากขึ้น ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหา

สถานการณ์ในยุโรปยิ่งน่ากังวล เมื่อ 5 ชาติใกล้ชายแดนรัสเซีย ได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ฟินแลนด์ และโปแลนด์ ทยอยถอนตัวจากอนุสัญญาออตตาวา เนื่องจากกังวลภัยคุกคามจากรัสเซีย โดยการถอนตัวจะมีผลหลังประกาศ 6 เดือน สิ่งนี้สะท้อนความถดถอยของอนุสัญญาที่เคยเป็นความสำเร็จด้านปลดอาวุธชัดเจน

ยูเครนเองพยายามขอระงับปฏิบัติตาม แต่ทำไม่ได้ตามระเบียบ ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ร้อนระอุ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีปีนี้ ร่วมกับกัมพูชา (ประธานปีก่อน) และแซมเบีย (ปีหน้า) ผลักดันร่างมติที่สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) ซึ่งผ่านด้วยคะแนน 159 เสียงสนับสนุน เรียกร้องให้ทุกประเทศรับรองอนุสัญญาโดยเร็ว บังคับใช้เต็มรูปแบบ รวมถึงช่วยเหลือเหยื่อ การให้ความรู้ และลดผลกระทบ เพื่อย้ำคำมั่นยุติความเจ็บปวดจากทุ่นระเบิด

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานชี้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ตึงเครียดจากข้อพิพาทการวางทุ่นใหม่ ซึ่งอาจกระทบความคืบหน้า ทั้งไทยและกัมพูชาคืนพื้นที่หลังเก็บกู้ทุ่นลดลงจากปี 2566 มีความเสี่ยงไม่บรรลุกรอบเวลาที่กำหนด กัมพูชายื่นขอขยายเวลา 5 ปี จากกำหนดสิ้นเดือนธันวาคม 2568 ขณะที่ความท้าทายใหญ่คือเงินทุน โดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บริจาคหลัก ระงับความช่วยเหลือทั่วโลก ทำให้โครงการกำจัดทุ่นหลายแห่งถูกยุติหรือลดขนาด สถานการณ์นี้อาจย่ำแย่ยิ่งขึ้นในยุค "ทรัมป์ 2.0"

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

อย่างไรก็ตาม มีแง่บวกเมื่อ 2 ประเทศใหม่เข้าร่วมอนุสัญญา รวมเป็น 166 ชาติจากทั้งหมด 197 ชาติ รายงาน Landmine Monitor 2568 จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ชุมชนระหว่างประเทศเร่งฟื้นฟูความร่วมมือ เพื่อโลกที่ปลอดภัยจาก "ฆาตกรซ่อนเร้น" นี้

อ่านข่าวอื่น :

"Rage Bait" คำแห่งปีจาก Oxford เมื่อโซเชียลยุคใหม่เลี้ยงคนด้วย "ความโกรธ"

"ไม่ต่างจากสึนามิ" พายุถล่ม-น้ำท่วมเอเชีย สะท้อนผลกระทบ "โลกร้อน"