วันนี้ (3 ธ.ค.2568) กทม. ออกมาตรการด่วนขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้พนักงาน WFH - Work From Home อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.2568) เป็นต้นไป จนถึงเดือน มี.ค.2569 เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่พุ่งสูงระดับสีส้ม ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกทม. รายงานเมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (3 ธ.ค.) ว่าค่าเฉลี่ย PM2.5 ทั่วกรุงอยู่ที่ 47.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m³) โดยทุกเขตอยู่ในระดับสีส้ม สูงสุดที่เขตบางรัก 62.9 µg/m³ ตามด้วยเขตสาทร 59.9 µg/m³ และเขตลาดกระบัง 55.8 µg/m³
มาตรการ WFH จะถูกประกาศเมื่อค่าฝุ่นเกิน 35 เขตในระดับสีส้ม และพบจุดความร้อนจากดาวเทียมเกินวันละ 80 จุดติดต่อกัน 3 วัน ปัจจุบันมีหน่วยงานลงทะเบียนร่วมเป็นพันธมิตรแล้ว 62 แห่ง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สนับสนุนเต็มที่ โดยชี้ว่ามาตรการนี้เคยช่วยลดฝุ่นได้ร้อยละ 13-14 จากการลดรถยนต์บนท้องถนน แม้หลังโควิด-19 หลายบริษัทจะเปิดโอกาส WFH อยู่แล้ว แต่ ส.อ.ท.ย้ำว่าต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ เช่น การเผาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝุ่นปีนี้
ปัญหาฝุ่นพิษไม่ได้จำกัดแค่กรุงเทพฯ แต่แผ่ขยายทั่วประเทศ จากการเผาพื้นที่เกษตรทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา สปป.ลาว โดยเว็บไซต์ FIRMS ของนาซาแสดงจุดความร้อนจำนวนมากตั้งแต่เชียงรายลงมาถึงภาคกลาง ทิศทางลมจากเว็บไซต์ Windy ชี้ว่าลมอ่อน ความเร็วต่ำ พัดตรงจากตอนบนของไทยและตะวันออกเฉียงเหนือ มารวมกันที่แอ่งกระทะภาคกลาง สร้าง "ภาวะฝาชีครอบต่ำ" ที่กักฝุ่นไว้ จนกว่าจะคลายตัวในวันที่ 6 ธ.ค.
กรมควบคุมมลพิษ คพ. ได้ส่งข้อมูลจุดเผาให้ท้องถิ่นจัดการแล้ว โดยบางจังหวัดอีสานอย่างสกลนคร ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งห้ามเผาเด็ดขาด นอกจากนี้ คพ. ยังประสานกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบสินค้านำเข้าจากการเผา เช่น ข้าวโพด ซึ่งไทยผลิตได้ 4,000,000 ตัน/ปี จากความต้องการ 7,000,000 ตัน ที่เหลือ 3,000,000 ตันนำเข้าจะถูกตรวจเข้มเพื่อตัดปัญหาหมอกควันข้ามแดน
ด้านกรมอนามัยวางมาตรการรับมือเน้นให้ความรู้ประชาชนและกลุ่มเสี่ยง โดยแนะนำสวมหน้ากากอนามัย N95 หลีกเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง อยู่แต่ในห้องติดเครื่องฟอกอากาศ สำหรับปี 2569 ตั้งเป้าสร้างห้องปลอดฝุ่นในศูนย์เด็กเล็ก อนุบาล และโรงพยาบาล 20,000 แห่งทั่วประเทศ แจกมุ้งกันฝุ่น 5,000 มุ้ง ตั้งคลินิกอาชีวเวชกรรมอย่างน้อยจังหวัดละ 2 แห่ง และเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ครบทุกจังหวัด
นพ.ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย เตือนว่ากลุ่มเสี่ยงอย่างผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หอบหืด ถุงลมโป่งพอง อาจกำเริบอาการ ขณะที่งานวิจัยชี้ฝุ่น PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอด ผู้ปกครองควรดูแลเด็กและผู้สูงอายุให้มากขึ้นในช่วงนี้
อ่านข่าวอื่น :
"ไม่ต่างจากสึนามิ" พายุถล่ม-น้ำท่วมเอเชีย สะท้อนผลกระทบ "โลกร้อน"











