วันนี้ ( 4 ธ.ค.2568) นายสนธิญา สวัสดี เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบ นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือนายกฯ แป้น นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และนายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพิกเฉยจนเกิดเหตุน้ำท่วมหาดใหญ่ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจังหวัดสงขลา
นายสนธิญา สวัสดี
นายสนธิญา สวัสดี
โดยนำหลักฐาน เอกสาร ภาพถ่าย และคลิปวิดีโอ และข้อความที่เกี่ยวกับ นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรี เทศบาลนครหาดใหญ่ที่พูดกับประชาชนชาวหาดใหญ่ ว่า “เอาอยู่ น้ำไม่ท่วม” นำมายื่นให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี นายสมเกียรติเพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายสนธิญา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกมาเรียกร้องให้นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะมีการให้ข้อมูลประชาชนผิดพลาด ละเว้นและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ให้ข้อมูลไม่ตรงความเป็นจริงและไม่บูรณาการแผนการรับมือน้ำท่วมในเขตพื้นที่หาดใหญ่ ทั้งที่ นายณรงค์พร หรือนายกแป้นฯ เคยเป็นนายอำเภอที่หาดใหญ่ เมื่อปี 2556 - 2559 และภายหลังน้ำท่วมหนักปี 2553 ความเสียหายตอนนั้น 1.8 หมื่นล้านบาท มีน้ำฝนที่ตกสะสมลงมา 420 มม.
“สาเหตุก็มีเพียงว่า หากนายกฯ แป้น ไม่ไปยืนยันว่าเอาอยู่น้ำไม่ท่วม พี่น้องหาดใหญ่จะไม่เสียชีวิตเป็นร้อยศพ และความเสียหายจะไม่เกิดขึ้นขนาดนี้ แม้เจ้าตัวจะบอกว่าพึ่งมารับตำแหน่งได้ 4 เดือน แต่เขาก็ต้องได้มีการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยสาเหตุปัญหาน้ำท่วมไว้แล้วเพราะกรอบการเลือกตั้งเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ยังพูดเอาอยู่ในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จึงเรียกร้องขอให้กระทรวงมหาดไทย ปลดนายกฯ แป้น แต่เพราะตอนไปเรียกร้องที่กระ ทรวงมหาดไทย ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องมายื่นให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายของดีเอสไอ ว่าการปฎิบัติหน้าที่ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายซึ่งทรัพย์สินและชีวิต"
นายสนธิญา กล่าวว่า เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้มีประชาชนฆ่าตัวตายได้ เพราะการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจยังไม่สามารถดำเนินการได้ และหากนายกฯ แป้นยังดื้อดึงลาออกจากตำแหน่ง ภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็จะเข้าไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และฟ้องต่อศาลปกครองด้วย จึงขอให้พี่น้องชาวหาดใหญ่ช่วยกันฟ้องต่อเทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อไล่บี้ความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ แม้เหตุการณ์น้ำท่วมจะอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติ แต่ภาคใต้มีน้ำท่วมทุกปีเมื่อลมหนาวเข้ามา แต่ถ้าหากรับมือไม่ได้ นี่คือการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าน้ำจะท่วมก็ต้องมีการเตรียมการ
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อ้างว่าปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่เป็นเรื่องของธรรมชาติ ตนก็คิดเช่นนั้น แต่ถ้าเรามองตามความเป็นจริง ประเทศญี่ปุ่นมีทุกอย่าง ภัยธรรมชาติทุกอย่าง แต่เขาสามารถบริหารจัดการชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดความเสียหายน้อยลงได้ ฉะนั้น หากนายกแป้นมีการบูรณาการแผนกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ว่าภายใน 72 ชั่วโมง จะต้องมีการรีบอพยพพี่น้องประชาชน ความตายและความเสียหายคงไม่เกิดขึ้นมากขนาดนี้
“การดำรงตำแหน่งอยู่ของนายกฯ แป้นมีปัญหา จึงร้องขอให้ดีเอสไอ ช่วยดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีในส่วนของนายกแป้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา แม้เพิ่งจะไปรับตำแหน่ง แต่เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่เช่นนี้ ท่านก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะตอนที่น้ำท่วม ผู้ว่าฯ ก็นั่งอยู่ในจวนผู้ว่าฯ และเมื่อเทศบาลนครหาดใหญ่ไม่มีการสั่งอพยพประชาชน ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และนายกแป้น จึงต้องเป็นการรับผิดชอบร่วมกัน ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่”
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า เมื่อมีข้อสอบถามว่าเหตุใดตนจึงไม่แจ้งความดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนั้น ตนอยากบอกว่าเรื่องน้ำท่วมถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่น้ำท่วมหาดใหญ่นั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยได้มีการแจ้งเตือนลงไปถึงเจ็ดครั้ง กรมอุตุนิยมวิทยายังมีการแจ้งเรื่องน้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งถ้าหากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลากับนายกแป้น ได้ดูแผนที่อากาศจะเห็นว่า ฝนจะตกแช่อยู่ตรงนั้น 4-5 วัน หากท่านสมมุติเอาเหตุการณ์เมื่อปี 2553 และจำนวนปริมาณน้ำฝนสะสมมาคำนวณดู ท่านจะรู้ว่าต้องเร่งวินิจฉัยอพยพประชาชนหาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ความเสียหายจะได้เกิดขึ้นน้อยกว่านี้ ซึ่งตนไม่โทษว่าระบบมีปัญหา เพราะระบบทำงานเต็มที่แล้ว
อ่านข่าว:
อันตราย หากปล่อย "องค์กรพัง" หากจำเป็น (ต้อง) ฆ่าน้อง ฟ้องนาย
"หญิงลี" วางไมค์ สู่สนามการเมืองท้องถิ่น สมัคร "นายก อบต.บ้านคู"
นายกฯ ลั่น คนเพื่อนน้อย เมินคดีเขากระโดง -ฮั้วสว. ไม่มีหนี้ต้องตอบแทนใคร











