ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ประกันภัย-แบงก์" เร่งช่วยลูกค้า สำรวจความเสียหายน้ำท่วมใต้

เศรษฐกิจ
13:59
40
"ประกันภัย-แบงก์" เร่งช่วยลูกค้า สำรวจความเสียหายน้ำท่วมใต้
อ่านให้ฟัง
09:52อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ประกันภัย-แบงก์" เร่งช่วยน้ำท่วมใต้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ประสานเครือข่ายรถยก รถลาก กู้รถยนต์ออกจากพื้นที่ วิริยะฯเผยมี รถเสียหายจากน้ำท่วม 4.3 พันคัน คาดทั้งภาคใต้อาจมากกว่าหมื่นคัน มีบ้านเรือนเคลมประกัน 180 หลังคา

วันนี้ ( 4 ธ.ค.2568) นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลกระทบต่อชีวิต บ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย แต่ในอีกหลายพื้นที่ยังคงน่าเป็นห่วง

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยปรับระบบการรับแจ้งเหตุผ่านช่องทางสายด่วน 1557 ทั้งการเพิ่มคู่สาย และการโอนรับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนหาดใหญ่ที่ยังไม่สามารถเปิดทำการตามปกติได้ ไปยังศูนย์ฯ สุราษฎร์ธานี และศูนย์ฯ ราชปรารภ กรุงเทพฯ เพื่อให้บริการได้ต่อเนื่อง

สำหรับข้อมูลการรับแจ้งเหตุความเสียหายรถยนต์จากผู้เอาประกันภัย ตามรายงานของศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในพื้นที่ภาคใต้ วันที่ 3 ธ.ค.2568 มีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ จำนวน 4,300 คัน เฉพาะของบริษัทมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้จนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการประเมินความเสียหาย โดยพื้นที่ที่มีรถยนต์ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด คือ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 3,800 คัน

ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ในจ.สงขลา จำนวน 156 คัน จ.ปัตตานี จำนวน 75 คัน จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 56 คัน จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 28 คัน จ.พัทลุง จำนวน 28 คัน และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบเล็กน้อย ส่วนด้านความเสียหายของบ้านเรือน ในขณะนี้มีการแจ้งเคลมเข้ามาประมาณ 180 หลัง และคาดว่าอาจมีการแจ้งเพิ่มเติมในระยะต่อไปเมื่อประชาชนสามารถจัดการความเป็นอยู่เบื้องต้นได้แล้ว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจชั่วคราวขึ้นที่ศูนย์ฯ สงขลา เพื่อเป็นฐานบัญชาการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน โดยแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงาน 8 โซน ในการลงพื้นที่พบลูกค้าถึงบ้านเพื่อดำเนินการสำรวจความเสียหาย และจัดการด้านสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการประสานรถยกประมาณ 70 คัน เพื่อเข้าไปดำเนินการยกรถออกจากพื้นที่ประสบภัย โดยระดมรถยกจากหลายจังหวัด รวมถึงจากกรุงเทพฯ เพื่อเร่งช่วยเหลือลูกค้า แม้จะประสบอุปสรรคจากถนนที่ยังเต็มไปด้วยเศษซาก ขยะ และรถที่จอดกีดขวางจำนวนมากก็ตาม โดยตั้งเป้าดำเนินการยกรถอย่างน้อย 2,000 คันภายใน 3 วัน และจัดหาพื้นที่จัดเก็บรถที่ปลอดภัย สามารถรองรับรถได้ประมาณ 2,000 - 3,000 คัน เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมหากเกิดเหตุพายุหรืออุทกภัยซ้ำ

ขณะเดียวกัน พนักงานที่ทำหน้าที่ในการเคลมสินไหมฯ ได้เปิดเคลมไปแล้วราว 1,000 คัน และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1- 2 วัน และจัดทีมเจ้าหน้าที่ในการติดต่อประสานลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามความพร้อมในการยกลากรถ รวมถึงนัดหมายเข้าตรวจสภาพความเสียหายตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านธนาคารเกียรตินาคินภัทรร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ผ่านสภากาชาดไทย พร้อมออกมาตรการดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยร่วมสมทบเป็นส่วนหนึ่งของเงินบริจาครวม 50,000,000 บาท เพื่อส่งต่อให้สภากาชาดไทยนำไปใช้ในการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ใน

นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล หัวหน้าสำนักสื่อสารองค์กรและการตลาด กล่าวว่า อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในหลายพื้นที่ หลายครอบครัวต้องเผชิญความเสียหายอย่างหนัก โดยสาขาธนาคารในจังหวัดสงขลาก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกัน

นอกจากการร่วมบริจาคผ่านสภากาชาดไทยแล้ว ธนาคารเกียรตินาคินภัทรยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยรวมถึงผู้ประกอบการสินเชื่อธุรกิจและ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในภาคใต้ ดังนี้ 1.สินเชื่อธุรกิจและ SME ลดค่างวด/ขยายเวลาชำระหนี้ 2.สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล และบัตรกดเงินสด พักชำระเงินต้นสูงสุด 3 งวด หรือลดค่างวด 6 เดือนแรก และสินเชื่อรถยนต์ เลื่อนการชำระค่างวดสูงสุด 3 เดือน หรือลดค่างวด 6 เดือนแรก ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2568 (หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้ตามช่องทางที่สะดวก

ด้านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดระบบความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและการดำรงชีพแก่ประชาชนและผู้ป่วยในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยสนับสนุน รถขนส่งเวชภัณฑ์จาก ปณด ภายใต้ระบบกระจายเวชภัณฑ์ของ สปสช. ให้ถึงมือผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และผู้ป่วยฟอกไตที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการมอบ ถุงยังชีพและน้ำดื่มจากธนาคารกรุงไทย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ทั้งนี้ประชาชนและผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม สามารถขอรับความช่วยเหลือโดยโทรสายด่วน 1330 กด 7 ตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะประเมินสถานการณ์ ประสานระบบขนส่งเวชภัณฑ์ รวมถึงการกระจายถุงยังชีพและน้ำดื่มไปยังพื้นที่เร่งด่วน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า อุทกภัยในหลายจังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อบ้านเรือนและการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเท่านั้น แต่ยังสร้างอุปสรรคสำคัญต่อการเข้ารับบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ป่วยฟอกไตที่มีนัดฟอกเลือดตามรอบ ซึ่งการเลื่อนหรือขาดการรักษาอาจกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

นายพีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) กล่าวว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) ซึ่งเป็นหน่วยขนส่งภายใต้นวัตกรรมโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทย มีความพร้อมเต็มที่ในการสนับสนุนภารกิจของ สปสช. ผ่านระบบขนส่งและคลังสินค้ามาตรฐานสูง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉินที่ต้องการความรวดเร็ว ความถูกต้อง และความปลอดภัยของเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการรักษาชีวิตผู้ป่วย

โดยปณด ได้เร่งส่งรถขนส่งเวชภัณฑ์สำหรับการฟอกไต เข้าสนับสนุนพื้นที่ประสบอุทกภัยเพื่อให้เวชภัณฑ์ไปถึงหน่วยบริการและผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นกำลังสำคัญด้านโลจิสติกส์ทางการแพทย์ของประเทศในช่วงเวลาที่ท้าทาย

ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง และได้เร่งให้การสนับสนุนถุงยังชีพจากธนาคารกรุงไทยและน้ำดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย พร้อมกันนี้ ธนาคารได้ระดมทีมงานและเครือข่ายสาขาของธนาคาร ลงพื้นที่เพื่อส่งมอบถุงยังชีพให้ถึงมือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือ ผู้ป่วยหรือญาติสามารถโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 7 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยแจ้งข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ชื่อ–สกุล เบอร์ติดต่อกลับ และสถานที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถประเมินและประสานทีมในพื้นที่เพื่อเข้าถึงผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง สปสช. ปณด และ ธนาคารกรุงไทย ในการให้บริการขนส่งเวชภัณฑ์สำหรับฟอกไตและผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รวมถึงการสนับสนุนถุงยังชีพและน้ำดื่มจากธนาคารกรุงไทย จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จะคลี่คลาย

อ่านข่าว:

 ปลุกรัฐรับมือ "น้ำท่วม" ทำเศรษฐกิจ "อัมพาต" เสียหายกว่าแสนล้าน

น้ำท่วมใต้ เศรษฐกิจเสียหาย 5 แสนล้าน คลังเร่งอัดมาตรการเยียวยา-ฟื้นฟู

"อนุทิน" ถกเอกชนฟื้นฟู "หาดใหญ่" ต่อรองคลังยืดเวลาเงินกู้ 0%