วันนี้ (4 ธ.ค.2568) นายนพดล ศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 ขอนแก่น (สศท.4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้าผลักดันสินค้าเกษตรมูลค่าสูงเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง ล่าสุดชู “ข้าวเขียวหยก” หนึ่งในสินค้าเกษตรที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการในตลาดกลุ่มผู้รักสุขภาพ
เนื่องจากเป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวก่อนวัยฤดู เก็บเกี่ยว (ระยะน้ำนม) เป็นช่วงที่เมล็ดข้าวอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยเฉพาะสาร GABA ที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท อีกทั้งมีดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวขาว เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล พร้อมใยอาหารสูงที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร
นายสวัสดิ์ ลาโพธิ์ เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) จ.ร้อยเอ็ด และประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เล่าว่า เมื่อปี 2566 เริ่มต้นทดลองปลูกข้าวเขียวหยก (ระยะเขียว) ซึ่งเลือกใช้พันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 คุณภาพดี และจำหน่าย พบว่าตลาดมีทิศทางดีจึงขยายการผลิตมาจนถึงปัจจุบันบนพื้นที่ 5 ไร่
สำหรับสถานการณ์การผลิต ปี 2568 นายสวัสดิ์ ได้ผลผลิตรวม 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัม เพาะปลูกปีละ 1 รอบการผลิต ช่วงเดือนก.ค. และเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพ.ย. มีระยะเก็บเกี่ยวประมาณ 100 - 110 วัน การดูแลรักษาแปลงส่วนใหญ่เหมือนกับการปลูกข้าวทั่วไป แต่มีขั้นตอนสำคัญที่แตกต่าง คือ การระบายน้ำออกจากแปลงให้หมดในช่วงอายุประมาณ 80 - 90 วันหลังปลูก เพื่อช่วยให้ข้าวเกิดความหอมพิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเก็บเกี่ยวต้องทำในช่วงที่มีแสงแดดจัดเพื่อลดความชื้นในเมล็ดและรักษาคุณภาพของผลผลิต ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้จะมีความชื้นประมาณ 32 - 40%
จากนั้นจะนำผลผลิตทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการอบด้วยเครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือก เพื่อลดความชื้นให้เหลือเพียง 14% ซึ่งเป็นระดับมาตรฐานที่ปลอดภัย สามารถยับยั้ง การเสื่อมสภาพของเมล็ดข้าวและคงคุณค่าทางโภชนาการ จากนั้นผลผลิตจะถูกเก็บรักษาในรูปของข้าวเปลือกที่ผ่านการอบแห้ง ซึ่งเมื่อมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าจะนำข้าวมาสีบรรจุในถุงสุญญากาศ ขนาด 1 กิโลกรัม เพื่อให้ข้าวคงความเขียวสดและ น่ารับประทานอยู่เสมอ
ด้านการจำหน่ายและการตลาด ราคาข้าวเขียวหยกซีลสุญญากาศ ขนาด 1 กิโลกรัม (ราคา เดือนพ.ย. 68) อยู่ที่ 70 บาท สามารถสร้างรายได้สูงกว่าการขายข้าวหอมมะลิในช่วงเก็บเกี่ยวปกติถึงกิโลกรัมละประมาณ 20 บาท โดยตลาด ส่วนใหญ่เป็นตลาดออนไลน์ถึง70% และจำหน่ายทางหน้าร้าน 30%
ทั้งนี้การพัฒนาข้าวเขียวหยกในระยะต่อไป เกษตรกรเตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเป็น 10 ไร่ รวมถึงเครือข่ายจะขยายพื้นที่ปลูกอีกประมาณ 10 ราย (รายละ 1 – 2 ไร่) เพื่อรองรับความต้องการของตลาด และเพื่อรอจำหน่ายในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกที่จะจัดขึ้นในเดือนธ.ค.นี้
ในช่วงเดือนธ.ค. จ.ร้อยเอ็ดกำลังเตรียมจัดงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ข้าวหอมมะลิจากแหล่งปลูกคุณภาพ เพื่อแสดงศักยภาพด้านการเกษตรและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพข้าวไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ
สำหรับ งานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 25 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–14 ธ.ค.2568 ที่ อ่างเก็บน้ำธวัชชัย ต.มะอึ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ภายในงานจะมีนิทรรศการเทคโนโลยีข้าว การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) และการแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมกิจกรรมต่างเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้กับมาคึกคัก
อ่านข่าว:
สัญญานเตือน "ข้าวไทย" เสี่ยงรอบด้าน เร่งปรับพันธุ์ตอบโจทย์ตลาดโลก
ทางรอดวิกฤต "กุ้งไทย" บุกตลาดสหรัฐฯ หลัง "อินเดีย"โดนภาษีอ่วม











