5 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจในปี 2023

Logo Thai PBS
5 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจในปี 2023
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รวม 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจในปี 2023 ปีแห่งอนาคตที่เทคโนโลยีกำลังจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราในหลากหลายแง่มุม ตั้งแต่เรื่องหน้าที่การงานไปจนถึงพลังงานสะอาดอันไร้ขีดจำกัดสำหรับมวลมนุษย์

ในทุกวันนี้สังคมมนุษย์กำลังเผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เทคโนโลยีก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตมากขึ้น หรือไม่ก็ปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่เร่งรัดให้มนุษย์หันมากใช้พลังงานสะอาดกันอย่างล้นหลามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งไทยพีเอสก็ได้รวบรวม 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจมา 5 เทรนด์ ดังนี้

1. ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังจะแทรกซึมเข้าไปในหลากหลายแขนงมากขึ้น จากเดิมที่เรามักเห็นเทคโนโลยีนี้ถูกใช้งานในสื่อสังคมออนไลน์ในด้านการจัดการข้อมูลจำนวนมากเป็นหลัก กลับกลายเป็นว่า AI ได้เจาะไปยังตลาดด้านศิลปะ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่การแสดงออกทางด้านอารมณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์มาโดยตลอดแล้ว

อย่างเช่นในปีก่อนหน้า เราก็ได้เห็น AI ที่สามารถรังสรรค์รูปภาพได้หลากหลายรูปแบบ ไปจนถึง AI ที่สามารถโต้ตอบเราและเขียนบทกวีได้อย่างมีวาทศิลป์ราวกับนักเขียนผู้มีประสบการณ์ยาวนานหลายสิบปี ซึ่งในปีนี้ก็มีหลากหลายบริษัทที่กำลังพัฒนา AI ที่สามารถสร้างภาพเคลื่อนไหว ประพันธ์ดนตรี และงานศิลป์แขนงอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่ทว่าในขณะเดียวกันหน่วยงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ต่างเริ่มหาวิธีการที่จะกำกับดูแลผลงานศิลปะที่รังสรรค์โดย AI มากขึ้น โดยเฉพาะวิธีการแยกแยะผลงานของมนุษย์จริง ๆ ออกจาก AI และการป้องกันการเผยแพ่ข่าวปลอมที่เกิดจาก AI อีกด้วย ซึ่งสหภาพยุโรปและจีนนั้นเป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่กำลังออกกฎใหม่ ๆ เกี่ยวกับการควบคุม AI ขึ้นมา

2. จุดอับสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วโลกกำลังจะหายไป ทั้งนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่าสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เราใช้กันทั่วโลกนั้นมาจากสายเคเบิลใต้ทะเล ซึ่งมีความยาวรวมกันทั้งสิ้นกว่า 1,300,000 กิโลเมตร ก่อนที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศต่าง ๆ จะเชื่อมต่อสายเคเบิลนี้ไปยังกล่องสัญญาณ WiFi ตามบ้านเรือนทั่วประเทศ หรือไม่ก็เผยแพร่ผ่านเสาคลื่นสัญญาณ 3G/4G/5G ที่เรารู้จักเป็นอย่างดี

แต่ทว่าวิธีนี้มีข้อกำจัดอยู่ที่ว่าผู้บริการอินเทอร์เน็ตนั้น มักจะไปติดตั้งระบบในพื้นที่ที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่พื้นที่ตามชนบทนั้นแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเลย

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนั้นบริษัทเทคโนโลยีที่นำโดยเศรษฐีระดับโลก เช่น SpaceX และ Amazon ต่างกำลังดำเนินการก่อสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยดาวเทียมขนาดเล็ก ซึ่งสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่บนโลกได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นใจกลางป่าดงดิบหรือทะเลทรายก็ตาม เนื่องจากราคาค่าใช้จ่ายในการขนส่งดาวเทียมไปอวกาศที่มีราคาถูกลงมากในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา

3. ตลาดเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยกระแสข่าวที่นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ สามารถผลิตพลังงานจากปรากฏการณ์เลียนแบบปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่เกิดขึ้น ณ ใจกลางดวงอาทิตย์ได้มากกว่าพลังงานที่ใส่เข้าไปได้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งถือว่าเป็นก้าวกระโดดสำคัญของเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เนื่องจากเชื้อเพลิงที่ใช้ในการทำปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันมักเป็นธาตุที่มีน้ำหนักเบาและไม่ก่อให้เกิดมลพิษใด ๆ แก่โลก อย่างเช่น ไฮโดรเจน เป็นต้น

โดยในปัจจุบันบริษัทสตาร์ตอัปหลายร้อยแห่งทั่วโลก กำลังพัฒนาวิธีการที่ก่อให้เกิดพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะนำไปใช้งานจนมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ได้จริง ๆ ถึงขนาดที่ว่ามีเงินมากกว่า 3 - 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาลงทุนกับการวิจัยพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันในปี ค.ศ. 2022 และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 21% ภายในปีนี้

4. เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง VR และ AR จะเข้ามามากขึ้น โดยกระแสนี้เริ่มมาจากบริษัทสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก (Facebook) เดิมที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น เมตา (META) เพื่อโพรโมตเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ซึ่งถึงแม้ว่าในปีที่แล้วยอดขายเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโลกเสมือนจริงจะลดต่ำลง เนื่องจากราคาที่สูงเกินกว่าผู้คนทั่วไปจะเอื้อมถึง

ทางเมตาและผู้เล่นใหม่อย่าง แอปเปิล (Apple) ก็ต่างมีแผนที่จะเปิดตัวอุปกรณ์ VR และ AR รุ่นใหม่เข้ามาในตลาดในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งอาจจะจุดกระแสให้กิจกรรมในโลกเหมือนจริงคึกคักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อที่ดินดิจิทัลหรือเรื่องคริปโทเคอร์เรนซีก็ตาม


5. บล็อกเชนจะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่เผชิญกับความผันผวนและวิกฤตมากมายในปี ค.ศ. 2022 จากเดิมที่บล็อกเชนมักเน้นไปที่การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีตามห่วงโซ่อุปสงค์อุปทานในตลาด ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าไปผสานกับสิ่งที่ผู้คนทั่วไปคุ้นเคยกันอยู่แล้วมากขึ้น โดยเฉพาะกับวงการเกมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้เล่นกว่า 2,500 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ก็เริ่มมีเกมคุณภาพดีที่ใช้ระบบการซื้อขายด้วยคริปโทเคอร์เรนซีเข้ามาในตลาดมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ที่มาข้อมูล: Forbes , Tech Crunch , The Verge , VettaFi , CNET , South China Morning Post
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

ข่าวที่เกี่ยวข้อง