กระแสหนังดีจากค่ายใหญ่
Lincoln ภาพยนตร์ฉายถ่ายทอดให้เห็นถึงภาวะผู้นำของ อับราฮัม ลินคอล์น ในระหว่างที่สหรัฐฯกำลังอยู่ในสงครามกลางเมือง จากฝีมือของผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก เป็น 1 ในผลงานตัวเต็งในเทศกาลประกวดภาพยนตร์ต้นปีนี้ เมื่อได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมากที่สุดถึง 7 สาขา ในปีที่มีผลงานจากค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ส่งภาพยนตร์ เข้าชิงมากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ในอดีตค่ายหนังหลักๆ ในฮอลลีวูดจะแข่งขันกันผลิตภาพยนตร์คุณภาพ เพื่อดึงดูดผู้ชมด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องให้น่าสนใจ โดยมีเป้าหมายหลักที่เวทีออสการ์ แต่ภายหลังหลายค่ายหันมาทำกำไรกับหนังบล็อกบัสเตอร์ในช่วงซัมเมอร์เป็นหลัก จนผู้สร้างหนังอินดี้ต้องไปหาค่ายหนังเล็กๆ เพื่อจัดจำหน่าย จน 5 ปีที่ผ่านมา หนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์มาจากค่ายหนังนอกกระแสทั้งสิ้น
แต่ในปีนี้ค่ายหนังใหญ่กลับมาให้ความสำคัญด้านเนื้อหามากขึ้น โดย ทอม ฮูเปอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์จาก Les Miserables ชี้ว่าเป็นสัญญาณจากค่ายหนัง ที่เริ่มมองว่าหนังชีวิตยังไม่ตาย และเห็นช่องทางทำกำไรจากหนังที่มีเนื้อหาอันหลากหลาย ส่วน เบน อัฟเฟล็ก ผู้กำกับ Argo มองว่า กระแสหนังใหญ่บนเวทีลูกโลกทองคำ มีผลไม่น้อยต่อการกำหนดทิศทางการสร้างหนังเนื้อหาแหวกแนวโดยค่ายหนังใหญ่ในอนาคต
การเข้าชิงของหนังคุณภาพปีนี้ ส่งผลให้การลุ้นลูกโลกทองคำในสาขาหนังเพลงหรือตลก มีความเข้มข้นไม่แพ้สาขาหนังดราม่า เมื่อภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ Moonrise Kingdom, Silver Linings Playbook หรือ Les Miserables ล้วนได้รับการเสนอชื่อ แต่หากมองไปที่สาขาผู้กำกับที่เข้าชิงแล้ว ลูกโลกทองคำยังให้น้ำหนักกับหนังดรามามากกว่า เมื่อผู้กำกับภาพยนตร์ 5 คนที่เข้าชิงต่างมาจากผลงานในสายหนังดราม่าทั้งสิ้น
การประกาศชื่อผลงานเข้าชิงจาก 2 สถาบันครั้งนี้ นอกจากจะเห็นภาพผลงานที่เป็นตัวเต็งแล้ว ยังมีผลงานที่เรียกได้ว่าหมดโอกาสลุ้นรางวัลเพราะไม่ได้รับการเสนอชื่อจากทั้ง 2 เวที เช่น แอนโธนี ฮอปกินส์ ในบท อัลเฟรด ฮิทช์ค็อก ผู้กำกับระดับตำนาน คูเวนชาเน วอลลิส นักแสดงสาววัย 6 ขวบจากหนังอินดี้ Beasts of the Southern Wild รวมถึง The Hobbit An Unexpected Journey ผลงานล่าสุดของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่ไม่ได้รับการเสนอชื่อใดๆ ในเวทีลูกโลกทองคำปีนี้