เปิดโปงเครือข่ายค้าโรฮิงญา
ชาวโรฮิงญาและบังคลาเทศเกือบ 100 คนถูกลอยแพ หลังนายหน้าค้ามนุษย์ปล่อยทิ้งไว้บริเวณเทือกเขาแก้ว รอยต่อ 3 ตำบล ทั้ง ต.ฉลุง ต.กำแพงเพชร และ ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยทั้งหมดอยู่ในสภาพที่อิดโรยและหิวโหยมีเพียงเสบียงเช่นปลาแห้ง เกลือและหัวหอมติดตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปพักและดูแลชั่วคราวที่โรงเรียนบ้านคลองต่อ ก่อนที่จะประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ
ส่วนที่ จ.ตรัง เจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์ประกอบระเบิด เชื้อประทุ และกระสุนปืนขนาด 11 มิลลิเมตร เป็นของกลางที่ยึดได้ระหว่างเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมนายสุพจน์ มั่นซิ้ว ผู้ต้องหาในคดียิงบ้านของผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดตรัง และผู้ต้องหาคดียิงนายหน้าค้าโรฮิงญา ใน อ.ฉลุง จ.สตูล และยิงนายหน้าค้าโรฮิงญา ใน ต.ปาดังเบซาร์ พร้อมกับนายบรรจร ปองผล นายกเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ 1 ใน 29 ผู้ต้องหา ที่ถูกออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์ที่จังหวัดสงขลา
จากการตรวจสอบของทีมข่าวไทยพีบีเอส พบว่าเครือข่ายค้ามนุษย์ในภาคใต้เป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมโยงนายหน้า และผู้ค้าใน 3 จังหวัด คือ สงขลา สตูล และระนอง โดยมีต้นทาง 2 ทาง คือเข้ามาจาก จ.สตูล และ จ.ระนอง
จ.สตูล เป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุด มีอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นแกนนำหลัก ก่อนที่จะกระจายชาวโรฮิงญาไปให้นายหน้าหลายกลุ่มที่มีทั้งข้าราชการท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล และประชาชนทั่วไป ซึ่งบางคนถูกออกหมายจับในคดีเรียกค่าไถ่เมื่อปี 2557 ซึ่งชาวโรฮิงญาบางส่วนจะผลักดันผ่านด่านพรมแดนธรรมชาติไปยังประเทศเพื่อนบ้านใน อ.ควนโดน จ.สตูล โดยมีนายหน้าชาวมาเลเซียมารับตัวต่อ ขณะที่ชาวโรฮิงญาบางคนก็จะส่งต่อมายังนายหน้าใน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายค้ามนุษย์ใน จ.ระนอง ที่มีผู้มีอิทธิพล และข้าราชการขนย้ายชาวโรฮิงญามาพักพิงใน จ.ชุมพร ก่อนส่งต่อให้นายหน้าในอำเภอสะเดาผ่านทางรถยนต์โดยจะต้องจ่ายค่าผ่านทางให้คันละ 2,000 บาท ซึ่งรถแต่ละคันจะขนชาวโรฮิงญาประมาณ 20 คน
ในวันนี้เจ้าหน้าที่ยังเปิดปฎิบัติการปิดปลายทาง ด้วยการปิดล้อมพื้นที่ควน18 เชิงเขาแก้ว ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ กับหมู่10 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ พบชาวบังคลาเทศ 6 คนในสภาพอดยาก โดยทั้ง 3 คนให้การว่า มีชาวโรฮิงญาและบังคลาเทศ หลายร้อยคนกระจายหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาแก้ว