ความรุนแรงเหตุขัดแย้งทางศาสนาปะทุอีกครั้ง 3 วัน ผู้เสียชีวิต 20 คน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างคำสัมภาษณ์จากแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจของพม่าว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 20 คนจากความรุนแรงในเมืองมิถิลา ที่อยู่ห่างจากนครย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ 540 กิโลเมตร แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้รัฐบาลพม่าได้สั่งปิดถนนเข้าออกเมืองมิถิลาชั่วคราว พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้อำนาจกองทัพดูแลความเรียบร้อยในเมืองมิถิลา มีรายงานว่าเมื่อช่วงเช้ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งมีพระรวมอยู่ด้วย ถือมีดและไม้เดินไปตามถนน สร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวเมืองที่พากันอพยพออกนอกพื้นที่
ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนพากันเผาทำลายอาคารและมัสยิด ทรัพย์สินถูกทำลาย มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ชาวบ้านต่างพากันเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่ชาวมุสลิมหลายร้อยคนไปรวมตัวกันที่สนามฟุตบอลโดยมีตำรวจคอยดูแลความปลอดภัย ส่วนชาวพุทธพากันเก็บตัวอยู่ตามศาสนสถาน มีรายงานว่าผู้สื่อข่าวถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวยึดเมโมรี่การ์ดที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไปด้วย
ในขณะที่ตำรวจในเมืองมิถิลานายหนึ่งให้ข้อมูลกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เมื่อวานนี้ (21 มี.ค.)ตำรวจได้รับอนุญาตให้ยิงผู้ที่ก่อความวุ่นวายได้ในกรณีที่จำเป็น โดยให้ยิงต่ำกว่าเอว ชนวนเหตุความรุนแรงในครั้งนี้ เกิดจากการทะเลาะวิวาท ระหว่างเจ้าของร้านทองซึ่งเป็นชาวมุสลิมกับชาวพุทธและเหตุการณ์ได้บานปลาย ทำให้มีประชาชนกว่า 200 คน ออกมาทะเลาะวิวาทและปะทะกันตามถนน
นี่ถือเป็นเหตุจลาจลทางเชื้อชาติที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่การปะทะกันระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญากับชาวพุทธในรัฐยะไข่เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว (55) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 180 คน และประชาชนหนีภัยการสู้รบจนกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อีกประมาณ 110,000 คน
ความรุนแรงครั้งล่าสุด สร้างความกังวลให้นานาชาติที่จับตาดูสถานการณ์ในพม่า โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำพม่า ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลพม่าโดยแสดงความกังวลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ,ใช้ความอดทนอดกลั้น,หันมาเจรจาและให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับผู้ประสานงานขององค์การสหประชาชาติก็แสดงความเห็นในลักษณะเดียวกัน
ขณะที่องค์กรนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าจัดการกับปัญหาในเมืองมิถิลาโดยเร็ว ก่อนที่ความรุนแรงจะขยายไปยังส่วนอื่นๆของประเทศ ด้านกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเรือนและทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อจัดการกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อให้ความรุนแรงยุติโดยเร็ว