จับตามาตรการควบคุมการ
การกำหนดทิศทางและกฎเกณฑ์ของการถ่ายทอดสดรายการกีฬาที่มีลิขสิทธิ์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจากการไล่ล่าตามซื้อกล่องรับสัญญาณ ขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้เกิดการแทรกแซงตลาดมากเกินไป ซึ่งในต่างประเทศใช้มาตรการห้ามผูกขาดสำหรับกีฬาที่มีความสำคัญต่อคนในชาติ และกีฬายอดนิยม
มาตรการที่ใช้ควบคุมการถ่ายทอดกีฬาที่มีลิขสิทธิ์ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช.ประกาศในขณะนี้มี 2 ร่างคือ ร่าง must have ซึ่งมี 7 รายการได้แก่ ซีเกมส์ อาเซียน พาราเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ เอเชี่ยน พาราเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก ซึ่งต้องถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีเท่านั้น
<"">
<"">
และในขณะนี้กำลังมีการพิจารณาร่างที่เรียกว่า non exclusive list โดยมีการกำหนดรายการไว้แล้วอย่างน้อย 8 รายการ ได้แก่กีฬามหาวิทยาลัยโลก ฟุตบอลคอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ, ฟุตบอลเอเชี่ยนคัพรอบสุดท้าย และรอบที่ทีมไทยแข่งขัน ฟุตซอลชิงแชมป์โลก และชิงแชมป์เอเชีย เซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก วอลเล่ย์บอลระดับชิงแชมป์โลก เทนนิสเดวิสคัพ และฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก
สำหรับร่าง non exclusive list เป็นกฎเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นที่สุดไม่แซกแซงการแข่งขันด้านการตลาดมากจนเกินไป เพราะห้ามผูกขาดลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว และต้องแบ่งให้กับผู้ประกอบการรายอื่นในราคาที่เป็นธรรม ประเทศที่ใช้กฎเกณฑ์นี้คือสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสิงคโปร์เป็นต้น ขณะที่ไม่เคยมีการใช้กฎเกณฑ์ must have มาก่อน ในต่างประเทศกีฬาโอลิมปิกถูกจัดอยู่ในประเภท non exclusive ทั้งนี้เพราะเป็นกีฬาสำคัญและมีรายการหลากหลายที่น่าเสียดายหากจะถ่ายทอดสดเพียงแค่ฟรีทีวีเท่านั้น เช่นเดียวกับฟุตบอลโลก หรือแม้แต่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
<"">
<"">
จากกรณีการฟ้องร้องระหว่างอาร์เอส และ กสทช.ซึ่งเกิดจากผลกระทบจากการใช้ร่าง must have น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช.เห็นว่ารายการที่คนไทยต้องได้ดูเช่นซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ โอลิมปิก ควรให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนซื้อ หรือให้เป็นหน้าที่ของทีวีพูลน่าจะมีความยืดหยุ่นเหมาะสมที่สุด ขณะที่รายการระดับยอดนิยมอย่างพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร รวมทั้งรายการฟุตบอลที่สำคัญ เห็นด้วยที่จะปล่อยให้เป็นกลไกตามกฎเกณฑ์ของร่าง non exclusive list ซึ่งจะทำให้การเจรจาเกิดขึ้นได้ง่าย ลดความขัดแย้งที่จะตามมา