สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ รอยต่อจังหวัดระยอง ชลบุรี ในวันนี้ (24 มิ.ย.) พร้อมรองรับการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมทุกมิติ นับถอยหลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี 2558 ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ที่จะเสร็จทันในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะรับผู้โดยสารในช่วงเวลาเดียวกันได้ 1,500 คน จากเดิม 400 คน
สนามบินอู่ตะเภา รองรับเครืองบินได้ทุกประเภท รวมทั้งแอร์บัส A380 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นสนามบินพาณิชย์เต็มรูปแบบ แม้จะเริ่มเปิดใช้ในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2532 เพราะต้องคงภารกิจด้านความมั่นคง เพื่อประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์ อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ
ภายในพื้นที่ 18,000 ไร่ ยังเป็นที่ตั้งของฝูงบินกองทัพเรือรวม 9 ฝูงบิน และเป็นสนามบินแห่งเดียวที่ใช้ทหารเรือควบคุมการจราจรทางอากาศ ในเชิงพาณิชย์มีเที่ยวบินปกติ 3 เที่ยวบินต่อวัน และรองรับเครื่องบินเช่าเหมาลำจากประเทศต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะเดินทางมาเที่ยวในช่วงปลายปี โดยเฉพาะรัสเซีย ที่เดินทางเข้ามากว่า 1,200,000 คนเมื่อปีที่แล้ว และยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่จากอินเดียจีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม ปลายทางเน้นท่องเที่ยวเมืองพัทยา และต่อไปภูเก็ต หรือเกาะสมุย
ส่วนเครื่องบินทหารโดยเฉพาะกองทัพสหรัฐฯ และมิตรประเทศ จะเข้ามาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นจุดแวะพัก หากเป็นการขอใช้ในภารกิจด้านอื่น รวมถึงแนวทางใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นศูนย์ช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติระดับภูมิภาค หรือ HADR ต้องผ่านขั้นตอนพิจารณาทุกมิติ
สนามบินอู่ะเภายังมีบทบาทในยามฉุกเฉินทั้งเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สถานการณ์น้ำท่วมสนามบินดอนเมือง หรือแม้แต่เหตุจี้อากาศยานเมื่อปี 2532 และต้องเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุไม่ปกติขึ้นอีกแนวทางการบริหารจัดการสนามบินอู่ตะเภายังเน้นปรับตัวให้สอดคล้องสถานการณ์ และสนองนโยบายทุกรัฐบาล นับตั้งแต่สนามบินแห่งนี้เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทย - สหรัฐฯ เมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว