ชาวบ้านใน จ.สงขลา กังวลแนวทางป้องกันปัญหาน้ำมันรั่ว
กากของเสียสีดำเหนียว และละลายได้เมื่อถูกความร้อนจากแสงแดด ลักษณะคล้ายคราบน้ำมัน ถูกคลื่นลมมรสุมพัดพามาติดชายหาดใน จ.สงขลา เป็นประจำทุกปี ทำให้แหล่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และที่ทำมาหากินของชาวประมง สกปรก ส่งผลกระทบต่อชุมชนริมชายฝั่ง ซึ่งวิตกกังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกต่อไป
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน พบว่า จ.สงขลา มีแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เดินเครื่องอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งในระยะเพียง 14 - 30 กิโลเมตร อยู่จำนวน 5 แท่น และกำลังขออนุญาตเพื่อตั้งแท่นขุดเจาะบริเวณที่ห่างจากชายหาดแหลมสมิหลาประมาณ 15 กิโลเมตร อีกหลายแท่น
ขณะที่ข้อมูลเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าในอ่าวไทยมีการขุดเจาะน้ำมัน อยู่ในพื้นที่กว่า 4,800 หลุม ที่ผ่านมา ผู้รับสัมปทานปฏิเสธว่ากากของเสียสีดำ ไม่ได้มาจากแท่นขุดเจาะ เช่นเดียวกับหน่วยงานราชการ ซึ่งไม่ยืนยันถึงที่มาของกากของเสียนี้ได้ชัดเจน
แต่ผู้รับสัมปทานบางรายได้ให้งบประมาณกับทางจังหวัดไปจ้างชาวบ้านเก็บกากของเสียดังกล่าวออกจากชายหาด เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และถือเป็นการเยียวยาความเดือดร้อน แต่ไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น หลังเกิดท่อน้ำมันรั่วใน จ.ระยอง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้
ความวิตกกังวลของภาคประชาชน ทำให้นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลากำชับให้ทุกฝ่ายร่วมกันจัดทำแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินลักษณะนี้ให้ชัดเจน ทั้งในส่วนของบริษัทผู้รับสัมปทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ซึ่งไม่เคยรับมือกับปัญหาน้ำมันรั่วในทะเลอ่าวไทยมาก่อน