ชาวสวนยางนครศรีธรรมราช กลับมาชุมนุมอีกครั้ง-ยืนยันไม่ปิดทางรถไฟ
ผู้ชุมนุมชาวสวนยางบริเวนแยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ตั้งเต็นท์เปิดเวทีปราศรัยบนถนนสายเอเซีย 41 อีกครั้ง โดยมีแกนนำรวมถึงตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงผลัดเปลี่ยนกันขึ้นพูดปราศรัยบนเวที ซึ่งในวันนี้ ( 22 ก.ย.) ผู้ชุมนุมชาวสวนยางมารวมตัวกันค่อนข้างมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา โดยแกนนำผู้ชุมนุมยังพูดปราศรัยโจมตีถึงความไม่จริงใจของรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาเรื่องราคายางพาราตกต่ำเพราะแม้จะมีการรวมตัวหลายวันแล้วแต่รัฐบาลยังไม่ส่งตัวแทนมาพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า จะรวมตัวปิดถนนที่แยกควนหนองหงษ์เพียงแห่งเดียวในขณะนี้ โดยยังไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อที่จะปิดเส้นทางรถไฟบริเวนแยกบ้านตูลอีกครั้งตามที่มีกระแสข่าวออกไปก่อนหน้านี้
ส่วนกรณีทางกลุ่มผู้ชุมนุมชาวสวนยางได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์เพื่อขอความคุ้มครองป้องกันภัยซึ่งเกิดจากการใช้อำนาจรัฐ กับทางกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 เพื่อส่งต่อไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บัญชาการทหารบกกเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) นั้น เจ้าหน้าที่กองการสารบัญ กองทัพภาคที่ 4 ได้จัดทำหนังสือเพื่อเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับ โดยจะมีการแจ้งความคืบหน้าให้ทางผู้ยื่นทราบเป็นระยะ
ส่วนการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรของทางจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น วันนี้ (22 ก.ย.) ได้มีการเร่งรัดเรื่องการจ่ายเงินชดเชยปัจจัยการผลิต ซึ่งใน จ.นครศรธรรมราช มีชาวสวนยางมาขึ้นทะเบียนแล้วเกือบ 80,000 คนจากทั้งหมดราว 12,000 คน นายสมนึก เหมมณี เกษตรจังหวัดระบุว่าในวันที่ 24 ก.ย.นี้ จะมีการจ่ายเงินชดเชยค่าปัจจัยการผลิตให้ชาวสวนยางพาราในพื้นที่ อ.ชะอวด ร่อนพิบูลย์ และ อ.จุฬาภรณ์นำร่องเป็นแห่งแรกของประเทศได้ราว 400 คน โดยจะจ่ายเงินผ่านระบบเอทีเอ็มของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ด้านสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกแถลงการณ์ว่า การทำหน้าที่สื่อมวลชนระหว่างการชุมนุมของชาวสวนยางนั้น พบว่า ผู้ชุมนุมบางกลุ่มมีท่าทีแข็งกร้าว คุกคามและถึงขั้นทำลายทรัพย์สินอุปกรณ์การทำข่าวของสื่อมวลชน ส่งผลให้สื่อมวลชนทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลาง ซึ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่หลายคนกังวลต่อสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก โดยพบว่าท่าทีดังกล่าวอาจเกิดจากการปลุกปั่นให้ผู้ชุมนุมเกิดความหวาดระแวง โดยสื่อมวลชนบางกลุ่ม สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช จึงแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อพฤติกรรมของสื่อมวลชนบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่น ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวเข้าใจเป็นอย่างดีในเจตคติของผู้ชุมนุมที่เรียกร้องความเป็นธรรม และยินดีปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเป็นสื่อกลางในการประสานความเข้าใจกับทุกฝ่าย