ปิดประชุมเอเปค เห็นร่วมส่งเสริมนโยบาย ศก.ช่วยภาวะ ศก.ชะลอตัว
สมาชิกเอเปค 21 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจ เห็นร่วมกันที่จะบังคับใช้นโยบายเศรษฐกิจอย่างรับผิดชอบ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก และการค้าการลงทุนที่ชะลอตัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ภาครัฐ และภาคเอกชนของกลุ่มสมาชิก ร่วมมืออย่างใกล้ชิก ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
หลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ก็มีการหารือในกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมในการเจรจาหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก หรือ ทีพีพี (TPP) ซึ่งคาดหวังจะเจรจาให้ได้ข้อสรุปการค้าเสรีกลุ่มทีพีพี เบื้องต้นภายในสิ้นปี 2556 โดยประธานหอการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า แต่ละประเทศได้หยิบยกข้อห่วงกังวลขึ้นหารือในการประชุมรอบนี้ และหารือถึงอุปสรรคในการบรรลุข้อตกร่วมกันทั้ง 12 ประเทศ ไปจนถึงการจูงใจให้ประชาชนและเอกชนในแต่ละประเทศเห็นด้วย ท่ามกลางข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ที่จะได้ประโยชน์จาก ทีพีพี คือประเทศที่ร่ำรวย
ข้อตกลงทีพีพี ได้รับการขนานนามว่าเป็นข้อตกลงทางการค้าในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีความพยายามที่จะลดกำแพงภาษี และอุปสรรคอื่นทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็ปกป้องสิทธิของแรงงานในแต่ละประเทศ ชดเชยความล่าช้าของการประชุมองค์การการค้าโลก หรือดับเบิ้ลยูทีโอ (WTO) ทั้งนี้ประเทศที่ร่วมเจรจาทีพีพี คือ ออสเตรเลีย, บรูไน, แคนาดา, ชิลี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, เปรู, สิงคโปร์, สหรัฐ และเวียดนาม ซึ่งกลุ่มประเทศที่ร่วมมือในทีพีพี มีมูลค่าทางการค้าคิดเป็นร้อยละ 40 ของการค้าโลก
ซึ่งหลังการประชุมที่เกาะบาหลี ผู้นำชาติอาเซียน และคู่เจรจา ก็มุ่งหน้าไปประเทศบรูไน เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และคู่เจรจา และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ซึ่งผู้นำประเทศที่ไม่ได้ร่วมในการประชุมเอเปค เช่น สมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่า ก็เดินทางถึงกรุงบันดาเสรีเบกาวัน พร้อมเข้าร่วมการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม