ผู้ชุมนุม กปปส.ปักหลักชุมนุมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า บรรยากาศด้านนอกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรดาการ์ดอาสาของกลุ่ม คปท.ได้มีการเปิดประตู และล้มแท่งแบริเออร์ แนวประตูด้านหน้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. บริเวณถนนพระรามที่ 1 ลงไปแล้วเรียบร้อย พร้อมกับมีการรื้อลวดหนามออกไปแล้วบางส่วน แต่ว่ายังไม่มีมวลชนเข้ามาในพื้นที่ สตช. เนื่องจากว่าทางแกนนำยังมีการประกาศบอกว่าให้ใจเย็นๆ ก่อน รอผลการเจรจาก่อน แต่ว่าขณะเดียวกัน การเจรจาก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นระหว่างนายถาวร เสนเนียม แกนนำมวลชน กปปส.มาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กับ พล.ต.อ.อุดม รักศีลธรรม ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ซึ่งเป็นตัวแทนฝั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ล่าสุด นายถาวรก็ได้ออกมาให้ความชัดเจนถึงเป้าหมายที่นำมวลชน กปปส.จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเข้ามาที่นี่ก็บอกว่าเป็นการเข้ามายื่นหนังสือเรียกร้องให้ตำรวจได้ออกมาชี้แจงกรณีการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างมวลชนที่เกิดขึ้นบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อหลายวันก่อน เนื่องจากว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีนักศึกษา และประชาชนบาดเจ็บ และเสียชีวิตไปหลายรายด้วยกัน ทำให้มีความไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุจนถึงขณะนี้ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดสืบหาตัวผู้ก่อเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยจะให้เวลาทำงาน 7 วันนับจากวันนี้
นอกจากนี้ นายถาวรยังระบุด้วยว่าให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งกำชับไปยังทุกหน่วยที่ปฏิบัติงานในห้วงสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ว่าให้งดใช้ความรุนแรงต่อประชาชนอย่างเด็ดขาด และนายถาวรยังยืนยันด้วยว่า กลุ่ม กปปส.ที่ตนนำมาจะไม่เข้ามาภายในบริเวณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ว่าขณะที่กลุ่มมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งก็คือ กลุ่ม คปท.ที่นำมาโดยนายอุทัย ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ นั้นก็เป็นการตัดสินใจของแกนนำเอง ซึ่งเป็นการตัดสินใจคนละภาคส่วนกัน ซึ่งขณะนี้เอง ทางแกนนำของกลุ่ม คปท.ก็ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่าจะมีท่าทีดำเนินการ หรือว่ามีข้อเรียกร้องแตกต่างจากกลุ่ม กปปส.อย่างไร
ทั้งนี้ สถานการณ์ในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่ได้วางกำลังแน่นหนาอย่างที่คาดการณ์ไว้ เพราะว่าทางตัวแทนจาก สตช.เองบอกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นเป็นสถานที่ของประชาชนอยู่แล้ว มีความยินดีที่จะเปิดประตูให้มวลชนที่มีความต้องการที่จะเข้ามาภายในนั้นเข้ามาได้ด้วยความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนกองกำลังจากกองกำลังของตำรวจควบคุมฝูงชนเป็นกองร้อยน้ำหวานเข้ามาตั้งแนวต้อนรับเอาไว้ด้วย แต่ว่าก็ระบุว่ากรณีที่มวลชนเข้ามาภายในก็สามารถทำได้ด้วยความสงบเรียบร้อย แต่กรณีที่จะมีการบุกรุก
เข้าไปภายในตัวอาคารก็ยังถือว่าเป็นการบุกรุกสถานที่ราชการอยู่ ถ้าเกิดกรณีอย่างนั้นขึ้นก็อาจต้องมีการว่ากันไปตามกฎหมาย
นอกจากนี้ โดยรอบประตูไม่ว่าจะเป็นรอบรั้วฝั่งแนวทางถนนอังรีดูนังต์ หรือว่าราชดำริ หากมีความพยายามของมวลชนที่ว่าจะปีนป่ายรั้วเข้ามา หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็จะมีการติดตั้งกล้องที่จับบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ ก็สามารถที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนได้ในอนาคตด้วยเช่นกัน